สหภาพแรงงานไม่เชื่อ! โรงงานปิดตัวเพราะ “พิษเศรษฐกิจ” นายจ้างปล่อยให้ทำ OT. อย่างต่อเนื่อง บริษัทมีกำไรทุกปี วอนขอความเป็นธรรม
1 min readสมุทรสาคร-สหภาพและลูกจ้างโรงงานยางรถยนต์ ปักหลักเรียกร้องความเป็นธรรมหลังถูกเลิกจ้างฟ้าผ่า
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์บริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 402 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค. 62) ด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องปิดกิจการอันสืบเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจ โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้แก่แรงงานทุกคน ซึ่งการปิดกิจการบริษัทฯ นี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป จนส่งผลทำให้พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทฯ จำนวน 997 คน ต้องตกงานแบบฟ้าผ่า แล้วก็นำไปสู่การรวมตัวที่สหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 26/12 หมู่ที่ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อเรียกร้องคืนความเป็นธรรมให้แก่พนักงานหรือลูกจ้างทุกคนนั้น
ต่อมาตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 24 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูบรรยากาศที่ด้านหน้าบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด ซึ่งก็ปรากฎว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงาไร้แม้แต่เงาของพนักงานที่เคยสวมชุดทำงานเดินเข้าประตูรั้วในทุกๆ เช้า แต่เมื่อมองเข้าไปด้านในก็เห็นมีคนงานที่แต่งกายด้วยชุดสีอื่น ซึ่งไม่ใส่เสื้อสีน้ำเงินซึ่งเป็นชุดของพนักงานบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด เมื่อผู้สื่อข่าวลองสอบถาม รปภ.ที่เฝ้าหน้าประตูโรงงานก็บอกว่า คนงานเหล่านั้นเป็นของอีกบริษัทหนึ่งที่มาขอแบ่งเช่าพื้นที่บริษัทพงศ์พาราฯ ในการประกอบธุรกิจซึ่งเป็นอะไหล่ยางยนต์เหมือนกัน
จากนั้นผู้สื่อข่าวก็ได้เดินทางไปที่สำนักงานสหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย ซึ่งที่นี่มีพนักงานของบริษัทพงศ์พาราโคดันรับเบอร์ จำกัด มารวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อรอรับฟังข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของทางบริษัทผ่านทางสหภาพแรงงานฯ อีกทั้งยังเพื่อร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนเรียกร้องคืนความเป็นธรรม และต้องการไขข้อข้องใจที่ทุกคนยังเคลือบแคลงสงสัยว่า การประกาศปิดกิจการครั้งนี้เป็นการปิดกิจการจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่ปิดแล้วปลด เพื่อไปขอจดชื่อใหม่ ทำเหมือนกับเปิดโรงงานใหม่ทั้งที่ยังอยู่ในที่เดิม และรับคนงานใหม่ จะได้เป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องค่าจ้างของทางบริษัทฯ ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมากกับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างทั้ง 997 คน ส่วนเหตุที่ไม่เชื่อว่าโรงงานปิดกิจการเพราะพิษเศรษฐกิจนั้น ก็เพราะว่าทางผู้บริหารบริษัทฯ ได้เคยทำในลักษณะนี้กับโรงงานอีกแห่งหนึ่งมาแล้ว พอปิดแล้วก็โล๊ะคนงานเก่าทั้งหมด จากนั้นก็ไปขอจดชื่อบริษัทใหม่ แล้วก็กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในที่เดิม พร้อมกับรับคนงานเข้ามาใหม่ด้วยอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำนั่นเอง นอกจากนี้ทางบริษัทฯ แห่งนี้ก็ยังมีผลกำไรทุกปี อีกทั้งยังมีการให้พนักงานทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย จึงทำให้ทุกคนไม่เชื่อว่า บริษัทฯ ปิดกิจการเพราะแบกรับภาระในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำไม่ไหว
ส่วนบรรยากาศที่สหภาพฯ นี้ นอกจากจะมีพนักงานของบริษัทฯ มารวมตัวกันและผลัดเปลี่ยนกันออกมาแสดงความคิดเห็นแล้ว ก็ยังมีการจัดเลี้ยงอาหารแบบพอกินพออยู่ให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างทุกคนได้กินประทังความหิวกันด้วย โดยการมารวมตัวกันนี้ก็จะดำเนินต่อไปทุกวันจนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ซึ่งในแต่ละวันจะสิ้นสุดการรวมตัวกันในเวลาประมาณ 16.00 น. พอหลังจากวันที่ 26 ธันวาคมไปแล้ว ก็จะให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด แล้วจะนัดหมายกันกลับมารวมตัวอีกครั้งหลังปีใหม่
นายสาคร ตะภา รองประธานสหภาพฯ (คนใส่เสื้อสีแดง) บอกว่า ทางสหภาพแรงงานฯ และลูกจ้างทุกคนไม่มีใครเชื่อว่า บริษัทฯ จะปิดกิจการด้วยเหตุผลพิษเศรษฐกิจ ซึ่งนับจากวันนี้ไปทางสหภาพฯ นอกจากจะคอยให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนแก่ลูกจ้างแล้ว ยังจะรอฟังด้วยว่าทางโรงงานจะมีการติดต่อเข้ามาอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังจะหาคำตอบให้ได้ว่า เหตุผลที่แท้จริงของการปิดโรงงานคืออะไร เพื่อจะได้มีแนวทางในการขับเคลื่อนเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ลูกจ้างทั้งเกือบ 1,000 คนนี้ นอกจากนี้หลังปีใหม่แล้ว เมื่อทุกคนกลับมารวมกันอีกครั้งก็อาจจะมีการเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงแรงงานต่อไป
ขณะที่นายสว่าง เชียงรอด พนักงานบริษัทฯ บอกว่า หลังถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหัน นอกจากจะเกิดผลกระทบในเรื่องของการครองชีพแล้ว ยังมีผลกระทบต่อจิตใจของพนักงานทุกคนด้วยเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งในส่วนของตนมองว่า บริษัทฯ เลิกจ้างไม่เป็นธรรมและเหตุผลก็ไม่ใช่อย่างที่ปิดประกาศไว้ด้วย เพราะบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ได้กำไรทุกปี ดังนั้นจึงจะขอปักหลักร่วมกับพี่น้องแรงงานทุกคนต่อสู้จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม หรือนายจ้างเห็นใจให้ทุกคนกลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิม
ส่วนทางด้านของนางสาวสุพรรษา ปัญญาสิตร พนักงานหญิงที่ทำงานมา 8 ปี บอกว่า ตนมาทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อต้องมาตกงานก็รู้สึกตกใจและยังไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งก็รอแนวทางจากทางสหภาพแรงงานฯ ว่าจะมีแนวทางการขับเคลื่อนอย่างไร แต่ก็ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะเห็นว่าการเลิกจ้างครั้งนี้ไม่เป็นธรรมกับทุกคน ส่วนเหตุผลที่เลิกจ้างแบบยกคนงานทั้งบริษัทฯ ตนเชื่อว่ามาจากความต้องการที่จะล้มสหภาพแรงงานยานยนต์ฯ สำหรับตนเองนั้นในปีใหม่นี้ก็ตั้งใจจะซื้อข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้ากลับไปฝากพ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แม้จะยังคงเดินทางกลับบ้านตามความตั้งใจเดิม แต่เรื่องของฝากก็คงต้องลดลงเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
สุดท้ายที่นางสาวสำเนียง สุขพิณ อายุ 54 ปี ทำงานกับบริษัทฯ มานานถึง 24 ปี บอกว่า วันนี้ใจหายที่บริษัทฯ มาเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ทุกวันนี้เงินเดือนที่ได้มาก็แทบจะไม่พอค่าใช้จ่าย ตนก็ต้องหารายได้เพิ่มด้วยการค้าขาย แต่พอมาถูกเลิกจ้างอีกยิ่งทำให้ตนรู้สึกชีวิตย่ำแย่ ซึ่งตนก็เชื่อว่าบริษัทฯ ไม่ได้ปิดกิจการด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างอย่างแน่นอน เพราะบริษัทนั้นให้พนักงานทำงานล่วงเวลาทุกวันๆ ละ 3 ชั่วโมง ทำจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการประกาศปิดกิจการ ดังนั้นจึงอยากให้นายจ้างกลับมาเห็นใจลูกจ้างทุกคน เพราะทุกคนนั้นก็ทำงานอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว
ฃภาพ/ข่าว ชูชาติ แดงพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร