นครปฐม หลวงพี่น้ำฝน ไม่สนพี่ศรีฯ ร้องมหาเถรลงนะหน้าทอง ยันพิธีการวัดไผ่ล้อมคือการให้กำลังใจญาติโยมต่อสู้ชีวิต ไร้มนต์
1 min readหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม รับไม่เคยเห็นหรือเรียนวิชาลงนะหน้าทองแบบปิดทั้งหน้า แต่เคยเห็นครั้งไปต่างประเทศที่คนจัดงานแปะทองเต็มหน้าเพื่อเรียกราคาในการทำพิธี เผยไม่เคยให้ราคาศรีสุวรรณ ออกโรงให้ มหาเถรฯ จับสึกหรือลงดาบ เพราะทำพิธีตามหลักครูบาอาจารย์ แต่โบราณไม่เคยหลอกให้งมงายแต่ให้มีกำลังใจใช้สติในการดำเนินชีวิตด้วยบทสวดสำคัญสำหรับน้อมลำลึกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
วันที่ 19 มกราคม 65 ผู้สื่อข่าวติดตามประเด็นดราม่าที่มีการเปิดภาพและข้อมูลในการทำพิธีลงนะหน้าทอง แบบปิดทองเต็มหน้า ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีโดยมีความเชื่อว่าจะมีโชคทางการงานและความรักซึ่งมีกระแสประชาชนเดินทางเข้ามาจองคิวกันเป็นจำนวนมาก กระทั่งเกิดกระแสวิจารณ์ถึงการหลอกลวงและหวั่นจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในกรณีดังกล่าวนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาเผยว่าเป็นการผิดหลักพระธรรมวินัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกร้องให้มหารสมาคมออกมาลงดาบกับพระนอกรีตที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว
ในกรณีดังกล่าว พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า สำหรับประเด็นในเรื่องดังกล่าวที่เป็นข่าว การลงนะหน้าทองแบบที่มีการนำทองคำเปลว มาปิดทั้งใบหน้า ในส่วนตัวเองไม่เคยร่ำเรียนวิชานี้และไม่เคยมีการทำแบบนี้ แต่เคยเห็นครั้งที่ได้รับกิจนิมนต์ไปต่างประเทศเช่นประเทศจีน ฮ่องกง ซึ่งมีคนจัดงานจะมีการนำทองมาปิดทั้งหน้ากับผู้ที่เข้าร่วมพิธี โดยเพื่อเป็นการเรียกราคาและสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ แต่วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาจาก หลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จะมีการปิดทองแค่บางส่วน คือส่วนที่เป็นหน้าผาก ริมฝีปากและที่มือ เท่านั้น และสิ่งที่จัดพิธีนี้เป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านได้ให้ไว้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมา โดยเป้าหมายคือการให้กำลังใจในการดำเนินชีวิตของญาติโยมเท่านั้น
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีการกลัวว่า การลงนะหน้าทองจะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขอบอกว่า ที่วัดไผ่ล้อมได้มีมาตรการการป้องกันที่เข้มข้น โดยจะมีการลงอักขระยันต์ ที่หน้าผากและริมฝีปาก แต่ได้ตัดกระบวนการตรงการปิดทองจุดนั้นไป แต่ใช้เป็นการสวมหน้าหากอนามัยผ้ายันต์มัสลีน หน้า 4 ชั้นทดแทน เพราะถือว่ามีลายยันต์อยู่แล้ว และการเข้าร่วมพิธีจะมีการกำหนดในการจองคิว เพียงรอบละ 10-20 คนเท่านั้น ซึ่งจะไม่อยู่ในที่อับ เพื่อป้องกันตามมาตรการของจังหวัดนครปฐม
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสที่มีการโจมตีว่าเป็นความงมงายและเป็นแหล่งเรียกเงินทองจากญาติโยม เรื่องนี้ใครทำอะไรไว้ไม่นานผลกรรมก็จะกลับมาหาอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งที่วัดไผ่ล้อม อาตมาได้ใช้หลักคาถาบูชาชั้นสูง โดยเฉพาะที่หน้าผากทั้งบทสวดญเชิญพระบารมี 30 ทัศน์ และบทสวดมุงกูฏพระพุทธเจ้า นี่คือมงคลทั้งสิ้น เพราะนำเอาบวดสวดที่ลำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาไว้ที่หน้าหน้าที่สูง ท่านว่าดีหรือไม่และให้ผู้เข้ารับการเจิมได้มีการตั้งจิตอธิษฐาน ให้เกิดความโชคดี อาตมามีขั้วบวก ญาติโยมที่มาร่วมพิธีมีขั้วลบ เมื่อมาประสานกันก็จะมีกพลังบางอย่าง โดยในการทำพิธีเมื่อได้รับพร ญาติโยมก็จะได้รับขวัญและกำลังใจ เราไม่มีการสวดใส่บทให้ร่ำรวยหรือเป็นทางมืดดำที่เป็นอวิชา แน่นอน
ส่วนที่มีคนมากดดันมหาเถรสมาคม เพื่อให้พระผู้ใหญ่ออกมากำราบเรื่องนี้ สำหรับอาตมาไม่เคยให้ค่าคนๆนี้เลย เพราะถ้าเขาพบคนที่หลอกลวงทำให้ญาติโยมเสียทรัพย์เขาก็ควรจะไปจัดการได้เลย อาตมาก็เห็นว่าดี แต่ส่วนที่จะมาจับมากดดันพระที่มีการจัดทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ในสังคมก็แล้วแต่เขาเพราะพระผู้ใหญ่ท่านทราบดีว่าใครทำอะไร อาตมากลัว เพราะค่าครูในการทำพิธีก็นำมาจัดสร้างพัฒนาวัด มีกองทุนสวดเผาฟรี มีการช่วยเหลือคนป่วยมาตลอด ก็เหมือนกับการทำสังฆทานเพื่อสิริมงคล การลงนะหน้าทองก็ให้ถือหลักว่าได้ลำลึกถึงความดีและสืบสานพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้ายว่า สุดท้ายเรื่องนี้ ประชาชนต้องศึกษาและใช้หลัก คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างมีเหตุผล สิ่งที่สำคัญคือการมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต โดยครูที่สำคัญที่หลวงพ่อพูลท่านได้สืบสานคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ให้หลักธรรมคำสั่งสอนกับเราไว้นั้นเอง
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม