อาทิตย์. พ.ย. 24th, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

อุปทูตซาอุ​ และอุปทูตไทย​ ณ​ กรุงริยาด​ เร่งสร้างสัมพันธ์​ ไทย-ซาอุ​ เผย​ เป็นนิมิตหมาย​ที่ดีในการยกระดับเศรษฐกิจ​ จชต.

1 min read

วันนี้ (23​ กุมภาพันธ์​ 2565)​ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดการสัมมนา​ “โอกาส​ ศักยภาพและความท้าทายของจังหวัดชายแดนภาค​ใต้​ และของประเทศไทย​ ภายหลังรัฐบาลเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์​ ไทย-ซาอุดิอาระเบียโดยสมบูรณ์”  โดยมีนายอนุชา​ นาคาศัย​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ เป็นประธาน​และร่วทปาฐกถา​ “ความสำเร็จของการฟื้นฟูความสัมพันธ์​ ไทย-ซาอุดิอาระเบีย​ โอกาสและศักยภาพของประเทศและจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้ศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์” และมีนายอิซอม​ ซอและห์​ เอช.​ อัลจีเตลี​ อุปทูตสถานเอกอัครราชทูต​อาณาจัักรซาอุดิอาระเบีย​ ประจำประเทศไทย​ และนายสธน​ เกษมสันต์​ ณ​ อยุธยา​ อุปทูตไทย​ ณ​ กรุงริยาด​ ประเทซาอุดิอาระเบียเข้าร่วมบรรยาพิเศษ​ โอกาส​ ศักยภาพ​ และความท้าทายของจังหวัดชายแดนภาค​ใต้​ และของประเทศไทย​ ภายหลังรัฐบาลเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์​ ไทย-ซาอุดิอาระเบีย​ โดยสมบูรณ์

นายอิซอม​ ซอและห์​ เอช.​ อัลจีเตลี​ อุปทูตสถานเอกอัครราชทูต​อาณาจัักรซาอุดิอาระเบีย​ ประจำประเทศไทย​ กล่าวว่า​ ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับประเทศไทยเป็นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน​ และถูกสถาปนาขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2500 และผ่านช่วงเวลาต่างๆจนนำไปสู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ​ สู่ระดับอุปทูต​ อย่าง​ไรก็ตามจากการที่​ พลเอก​ ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ เยือนซาอุดิอาระเบีย​ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของ​ เจ้าชายมูฮัมหมัด​ บิน​ ซัลมาน​ บิน​ อับดุลอาซิซ​ อัล ซาอูด​ มกุฎราชกุมาร​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดิอาระเบีย​ พร้อมร่วมแถลงการณ์ของทั้งสองประเทศภายหลังการเยือนดังกล่าว​ เปรียบเสมือน road map และเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่​ สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ​ และเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง​ สำหรับการเป็นหุ้นส่วนในด้านต่างๆ​ อย่างไรก็ตามการค้าระหว่าง 2 ประเทศในปี​ ค.ศ 2020 อยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์​ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาอันสั้นนี้

ด้านนายสธน​ เกษมสันต์​ ณ​ อยุธยา​ อุปทูต​ประเทศ​ไทย ณ​ กรุงริยาด​ ประเทศ​ซาอุดิอาระเบีย​ กล่าวว่า​ การรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 และการเยือนประเทศ​ไทยของเลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก​ ซึ่งเป็นชาวซาอุดิอาระเบีย​ รวมถึงการตอบรับคำเชิญที่จะมาเยือนประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ของเลขาธิการองค์การ OIC ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศของประเทศมุสลิมซึ่งมี​ซาอุดิอาระเบียเป็นแกนหลัก​ ถือว่าเป็นข่าวดีและเรื่องที่ดีสำหรับคนไทย​ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด​ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังยกร่าง road map ของความร่วมมือในภาพรวมและอยู่ระหว่างการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการ​ รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานต่างๆเพื่อจัดทำข้อตกลงให้เป็นกรอบในการดำเนินการร่วมกันในหลายด้าน​ เช่น​ ด้านแรงงาน​ การท่องเที่ยว​ การลงทุน​ เป็นต้น​ สำหรับข้อความที่นายกรัฐมนตรีฝากถึงคนไทยในซาอุดิอาระเบียและคนไทยที่จะเดินทางไปซาอุดิอาระเบียในอนาคตนั้น​ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า​ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าใด​ หรือประกอบอาชีพใด​ เป็นเหมือนทูตของไทยในซาอุดิอาระเบียทั้งสิ้น​ สามารถช่วยสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของประเทศไทยในซาอุดิอาระเบีย​ เพื่อสร้างสัมพันธ์ระดับประเทศให้ดีขึ้นต่อไป

สำหรับการร่างกรอบแนวทางการขับเคลื่อนงานการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้​ ที่ ศอ.บต.​ จัดขึ้นเพื่อระดมความคิดเห็นในช่วงวันที่ 14-15​ กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา​ โดยมีผู้นำศาสนา​ ภาคประชาสังคม​ ภาคเอกชน​ ภาค​ประชาชน​ นักศึกษาและศิษย์​เก่าจากต่างประเทศเข้าร่วมประชุมและเสนอข้อคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้​ ภายใต้สัมพันธ์​ ไทย-ซาอุดิอาระเบียใน​​ 9 ด้านประกอบด้วย​ ด้านการท่องเที่ยว​ พลังงาน​ แรงงาน​ อาหาร​ การค้าและการลงทุน​ สุขภาพ​ ค​วามร่วมมือทางการศึกษา​ ศาสนา​ และด้านการกีฬา​ โดยจะมีการพิจารณาร่างกรอบแนวทางขับเคลื่อนงานที่สมบูรณ์  เพื่อส่งต่อให้กระทรวงการต่างประเทศนำไปขับเคลื่อนและผลักดันต่อไป

ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.