เพชรบูรณ์ ป่าไม้สนธิกำลังบุกตรวจยึดพื้นที่นายทุนบุกรุกแผ้วถางป่าใหม่
1 min readเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย นายภูรีย์วัฒน์ จันแจ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วังโป่ง , เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.4 บก.ปทส.) , ร.ต.อ.นเรนท์ คำวิ่ง รอง.สว.กก.4 บก.ปทส. , เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเพชรบูรณ์ ,พ.ต.อ.นเรศ พูลหน่าย ผกก.สภ.วังโป่งพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังโป่ง ตลอดจนผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯหมู่ที่ 16 บ้านวังสะพุงใต้ ตำบลวังหิน ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ในท้องที่ บ้านวังสะพุงใต้ หมู่ที่ 16 ตำบลวังหิน อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังจากได้รับแจ้งจาก ประชาชนในพื้นที่ ว่าเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 พบมีการลักลอบเข้าไปตัดไม้เบญจพรรณนาๆชนิดเป็นบริเวณกว้าง เพื่อขยายพื้นที่และปลูกพืชผลทางการเกษตร โดยนายทุนจากต่างท้องที่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นการบุกรุกแผ้วถางป่าใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าไปทำการตรวจสอบ
เมื่อเข้าไปถึงบริเวณตามที่ได้รับแจ้ง พิกัดจากเครื่องตรวจวัดสัญญาณดาวเทียมทางภูมิศาสตร์ (GPS)ระบบ WGS84 พิกัดที่ 47Q 640717 E UTM 181757ด N เจ้าหน้าที่พบว่า มีการบุกรุกแผ้วถางป่าจริง ลักษณะเป็นการบุกรุกแผ้วถางป่าใหม่ ต้นไม้น้อยใหญ่ถูกตัดฟันกระจายรอบแปลงที่ถูกบุกรุก บางต้นมีลักษณะถูกตัดด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ บางต้นถูกตัดด้วยของมีคมเต็มพื้นที่บริเวณที่ถูกบุกรุกแผ่วถาง และต้นไม้ใหญ่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติและทางเศรษฐกิจที่ยืนต้นอยู่ ถูกกานด้วยของมีคม เพื่อให้ต้นไม้ยืนต้นตายและจะได้ง่ายต่อการทำลายต้นไม้ดังกล่าว โดยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายและไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะก่อให้เกิดแก่ระบบนิเวศทางธรรมชาติต่อส่วนรวม
ซึ่งตามสภาพพื้นที่ที่ตรวจพบ น่าจะเป็นการแผ้วถางป่า เพื่อขยายพื้นที่ทำการเกษตร เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร โดยลักษณะการบุกรุกแผ้วถางดูจากสภาพใบไม้ ที่ถูกตัดคาดว่าดำเนินการมาแล้วประมาณ 3 สัปดาห์
จากการตรวจสอบของคณะเจ้าหน้าที่ พบว่าบริเวณพื้นที่ที่ถูกบุกรุกและบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่ถูกบุกรุก ไม่พบว่ามีบุคคลใดในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว จึงไม่สามารถสอบถามได้ว่า บุคคลใดเป็นผู้บุกรุกแผ้วถางป่ารายนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามปากคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 16 , ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลวังหิน อำเภอวังโปง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งให้การสอดคล้องกัน ทำให้ทราบว่า พื้นที่ที่ถูกบุกรุกแผ้วถางดังกล่าว มี นายไว้ (สงวนนามสกุล) และ นางธรรม (สงวนนามสกุล) เป็นราษฎร อยู่ที่ หมู่ 8 บ้านวังสะพุง ตำบลวังหิน อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ที่เข้ามาบุกรุกแผ้วถาง เจ้าหน้าที่ได้คำนวณพื้นที่ทั้งหมด ที่ถูกบุกรุก ได้จำนวนเนื้อที่ 19-0-84 ไร่ คิดเป็นมูลค่าพื้นที่ป่าที่ถูกทำให้เสียหายเบื้องต้น รวมเป็นเงิน 1,310,971.42 บาท (หนึ่งล้านสามแสนหนึ่งหมื่นเก้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทสี่สิบสองสตางค์) จึงได้ร่วมกัน ทำบันทึกการตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังโป่ง เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดรายนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2444 มาตรา 55 ฐาน ห้ามมีให้ผู้ใดก่อสร้างแผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น , พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2474 มาตรา 55 ฐาน ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถางให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นผู้แผ้วถาง , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐาน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมีให้บุคคลครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ่วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 26/4 ฐาน ผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือเป็นเหตุให้เกิดการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติ ที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น
จากการสอบถาม นายภูรีวัฒน์ จันแจ หัวหน้าป่าไม้เนินมะค่า เผยว่า วันนี้ทางหน่วยป่าไม้ได้สนธิกำลังกับทุกภาคส่วน มาตรวจสอบพื้นที่ หลังจากได้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกแผ้วถางป่า ประมาณช่วง 2 อาทิตย์ก่อน เจ้าหน้าที่หน่วยป่าไม้ พช.4บ้านเนินมะค่า ได้ลาดตระเวนมาเจอ เลยสนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจยึดจับกุม ซึ่งพื้นที่ตรงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังโป่ง-ป่าชนแดน-ป่าวังกำแพง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ตำบลวังหิน เขตอำเภอวังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่ถูกบุกรุก โดยเจ้าหน้าที่ได้จับค่าพิกัดรอบแปลง ได้ราว 19 ไร่เศษ ซึ่งหลังจากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ต่อไปก็จะต้องร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้าน ช่วยกันปลูกป่า ฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมต่อไป
ภาพ/ข่าว เดชา มลามาตย์/มนสิชา คล้ายแก้ว