สงขลา จนท.จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ 40 คนขณะถูกนำมาพักไว้บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา
1 min readเมื่อช่วงตี1 เมื่อคืนนี้(6เม.ย.65)พ.อ. ธนิตพนธ์ หงส์วิไล ผบ.ฉก.ร.5 นาย สุรินทร์ สุริยะวงศ์ นอภ.สะเดา พ.ต.อ. บรรเทิง เหล่าเจริญ ผกก.สภ.สะเดา นำกำลังทหารกองกำลังเทพสตรี โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่5 ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ชุดเฝ้าตรวจชายแดน ร้อย ตชด.437 และ ตำรวจสภ.สะเดา เข้าตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 40 คน
แยกเป็นชาย 31 คน หญิง 9 คน ระหว่างที่ถูกขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติพามาซ่อนไว้บริเวณป่าสวนยางพารา ชายแดนไทย-มาเลเซีย ม.2 บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
จากการสอบถามผ่านล่ามทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง ยะไข่ ทวาย และ เมืองซิน ของประเทศเมียนมา และถูกนายหน้าฝั่งเมียนมานัดมารวมตัวกันที่เกาะสองประเทศเมียนมา และข้ามน้ำลักลอบเข้ามาทางจ.ระนอง ตั้งแต่วันที่31 มีนาคมที่ผ่านมา
ก่อนที่จะถูกพาเดินทางต่อมาถึงชายแดนไทยมาเลเซียเมื่อช่วง 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ เพื่อเดินทางข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียปลายทางจะไปทำงานอยู่ที่รัฐปีนัง
โดยเดินทางมากับรถยนต์กระบะ 3 คัน มีคนไทยเป็นคนขับ และพามาส่งที่ริมรั้วชายแดนไทยมาเลเซีย และมีคนนำพาซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาด้วยกัน 3คนมารับ แต่ขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมทั้งสามคนได้วิ่งหลบหนีไปได้ทิ้งชาวเมียนมาร์ทั้ง40คนเอาไว้
สำหรับการเดินทางเข้ามาแต่ละคนต้องจ่ายค่านายหน้าจำนวน 3ล้านจ๊าด หรือ คิดเป็นเงินไทยจำนวน 60,000 บาทต่อคน โดยต้องจ่ายค่านายหน้าที่เกาะสอง ครึ่งหนึ่ง หรือ ประมาณ 30,000บาท และเมื่อเดินทางไปถึงมาเลเซียต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง หากรายใดไม่มีเงินจ่าย ก็จะถูกนำไปขัง ไม่ให้ทำงานจนกว่าจะหาเงินมาจ่ายได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ไปยัง สภ.สะเดาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสะเดาตรวจคัดกรองโควิด19 และจะทำการสอบสวนคัดแยกว่ามีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์รวมอยู่ด้วยหรือไม่เพื่อแยกตัวออกมาให้การช่วยเหลือ ส่วนผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองก็จะแยกดำเนินการในดคีหนีเข้าเมืองทั้งเปรียบเทียบปรับและผลักดันกลับประเทศต่อไป
สำหรับสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาซึ่งยังคงมีอย่างต่อเนื่องทั้งที่เข้ามาทางชายแดนจ.ระนองและชายแดนจ.กาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะมาถูกจับกุมที่ปลายทางจ.สงขลา ก่อนที่จะลักลอบเดินทางเข้าไปประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศปลายทาง
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสั่งกวาดล้างตั้งแต่ต้นทางและปลายทางแต่ก็ยังคงมีการขนเข้ามาอย่างต่อเนื่องและต้องเสียค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับนายหน้าสูงขึ้นจากที่ประมาณคนละ 25,000 บาทแต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าตัวกว่า 60,000 บาทเพราะเจ้าหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น
ภาพ/ข่าว มณีรัตน์ แก้ววิเชียร ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา