“หลวงพี่น้ำฝน” เผยเตือนหมอปลาแล้วเคยโดนสวน สุดท้ายเกิดเรื่องจนได้
1 min readหลวงพี่น้ำฝน คลายหลายประเด็นกณีหมอปลา บอกเคยเตือนแล้วก็โดยด่ากลับ สุดท้ายปัญหาก็เกิดขึ้นจริง ย้ำเรี่องจะไม่เกิดถ้าเข้าตามตรอกออกตามประตู เผยพระชราก็หลงลืมหมด แม้หลวงพ่อพูล ครั้งชราก็ยังเคยเผลอตัวจับเคาะหัวเด็กๆ แต่เป็นเพราะให้ความเมตตากับญาติโยม ส่วนการอวดอุตริ ศิษย์ไม่พูดไม่อวดปัญหาก็ไม่มี วันนี้ยืนยันหากหมอปลาจะขอโทษก็ควรจะไปกราบหลวงตาแสงขมาผ่านสื่อยังไม่ก็ไม่เหมาะ ย้ำทำดีก็เห็นด้วย หากจัดฉากขึ้นมาไม่รู้จะบาปไปถึงนรกขุมไหน
วันนี้ 14 พ.ค. 65 หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ออกมาให้ความเห็นหลังออกโรงแสดงความคิดเห็นในกรณี นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมภรรยา นำทีมงานและสื่อมวลชนบุกสำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร หลังมีคลิบกล่าวหา หลวงปู่แสง ญาณวโร ว่ามีพฤติกรรมลวนลามสีกาจนเกิดเป็นกระแสดังในสังคม ก่อนกระแสจะตีกลับจวกทั้งหมอปลาและทีมสื่อมวลถึงความไม่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว
หลวงพี่น้ำฝน เผยว่า ครั้งที่แล้วก็ได้เตือนหมอปลาไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ถูกโจมตีกลับว่าทัวร์จะมาลงที่อาตมา หาว่าเป็นคนไม่ดีคนชั่ว เลว พูดให้เป็นเรื่องเสื่อมเสียไปอีก หลังจากหมอปลาเคยบุกแบบนี้ไปแล้ว คือการเอาทีมงานไลฟ์สดเพื่อให้คนได้มาดู และเรื่องนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งอาตมาก็ใช้หลักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใช้ศีล สมาธิ ปัญญา มาประกอบเพราะที่ออกมาพูดนั้นไม่ได้ออกมาเพราะหิวแสงแต่อย่างใด แต่เพราะสื่อมาถามอาตมาเองถึงได้พูดให้ความเห็น
ส่วนประเด็น การจัดฉากวางแผนในการทำเรื่องนี้ถือว่าเป็นบาปมหันต์ที่สุดซึ่งจะมาทำกับพระแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าเป็นจริงไม่รู้ว่าจะตกนรกขุมไหน ซึ่งถ้ามีการจัดฉากเพื่อให้หาข้อเท็จจริงก็มาสู่กระบวนการสู่การปรับแก้ไขกันไปแต่ถ้าทำแบบนี้ แต่ถ้าจัดฉากแบบนี้ ความเจ็บปวดรวดร้าวในพระพุทธศาสนาจะมีแค่ไหน
ส่วนคำถามที่มีการขอขมาผ่าสื่อเท่านั้น ไม่ไปพบตัวหลวงตาแสง หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยต้องถือพานไปขอขมากับตัว หากจะทำแบบนี้ไม่มีใครรับได้ เพราะคนไทยถือว่าเป็นขนบธรรมเนียนประเพณีไทย ที่ต้องจะไปถึงตัวไปแสดงเจตนาว่ามาขอขมาเรื่องอะไร ถ้ามีความจริงใจก็จะไม่มีเรื่องอะไร ประเด็นในเรื่องของอาการอาพาธของหลวงตาแสง ถ้าบอกว่าสืบมาดีแล้วก็น่าจะรู้ว่าหลวงตาท่านป่วย และถ้ามาจัดฉากกับพระป่วยและท่านแก่แล้วก็ไม่น่ามาทำกัน
“ยกตัวอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลเอง แม้ท่านจะไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ ก็เคยมีการจับเป็นเพราะความเอ็นดูกับเด็กๆซึ่งเป็นไปเพราะท่านอยากจะให้ขวัญกำลังใจไปสู้ชีวิต และอาตมาเคยเห็นหลวงพ่อพูลท่านก็มีหลงมีเผลอจับเพราะท่านอายุมากหลงลืมแล้ว เวลาเจิมหน้าผากก็มีเผลอไป แต่นั่นก็เพราะเป็นไปได้เพราะหลงๆลืมได้ ขึ้นอยู่กับอุปัฏฐากเถราจารย์ที่ดูแลท่านว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งอาตมาเคยปฎิบัติมาแล้ว” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวอีกว่าที่ศิษย์ของหลวงปู่ อาจาระกลายเป็นพระธาตุ นำปัสสาวะไปดื่ม เรื่องนี่ศิษย์ถ้าศรัทธาก็ทำไปไม่จำเป็นต้องนำไปขยายความต่อ ถ้าศิษย์อยากจะปฏิบัติอย่างไรก็ทำไปแต่ไม่ควนนำมาโพนทนา เช่นสรีระสังขาร หลวงพ่อพูล ที่ได้เห็นเกศาท่านงอกออกมา หรือเห็นร่างออกเป็นสีทอง เรื่องนี้ญาติโยมก็เห็นกันเองไม่จำเป็นต้องแห่ไปบอกใครให้เป็นการโอ้อวดอุตริ สิ่งเหล่านี้เราไม่ได้มีหน้าที่พูดให้เกิดประเด็นขึ้นมาได้
“ประเด็นที่เกิดเรื่องเหล่านี้ อยากจะเตือนสติว่า ควรมีหลัก ควยห และใช้สติให้มาก อาตมารู้มาทุกเรื่องแต่พูดไม่ได้ แต่พอไปเตือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความหลง และเหลิง พออาตมาไปเตือนก็ไม่พอใจ และคิดว่าตัวเองนั้นดีทุกอย่างซึ่งแม้อาตมาก็ยังเป็นคนดีทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้ที่ยอมออกมาพูดเพราะมาพูดแทนพระหลายรูป ที่ท่านก็อึดอัด ซึ่งอาตมามองว่าถ้าทีมงานคิดจะทำดีก็ดีไป ถ้าไม่ดีปัญหาก็จะเกิดขึ้นตามมาไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝน ชี้ให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น
หลวงพี่น้ำฝน ปิดท้ายว่า วันนี้เห็นว่าหมอปลาได้ออกมาขอโทษแต่ก็ประกาศจะเดินหน้าเป็นเรื่องใหญ่อีก อาตมาก็มองว่าดี ซึ่งถ้าคิดดีทำดีก็เห็นด้วย แต่ถ้ายังคงทำแบบเดิมใช้กล้องใช้ไมค์ เอาสื่อไปจ่อไมค์อีกปัญหาแบบเดิมก็จะไม่จบอีก ซึ่งตอนนั้นอาตมาพูดก็โดยด่าแต่พอมาถึงวันนี้ก็เป็นจริงตามที่เคยเตือน วันนี้อยากให้หมอปลาได้ทำตามกระบวนการลำดับชั้นอย่างที่บอกไปปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข /นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม