“หลวงพี่น้ำฝน” อนุโมนาบุญลุงตู่ ขันน๊อต ป้องศาสนา ย้ำไม่เคยโกรธหมอปลาส่วนตัว
1 min readหลวงพี่น้ำฝน เผยยินดีขออนุมโมทนาบุญนายก รัฐมตรี และพ.ศ. สั่งการตรวจสอบกระบวนการกระทำต่อพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ ย้ำเรื่องร้องเรียนต้องทำตามกระบวนการ เปิดใจดีแล้วที่หมอปลาและทีมงานตรวจสอบพระ แต่ต้องดูบทบาทว่าเป็นหน้าที่เราหรือไม่บอกไม่คิดติดใจอะไร แต่ให้ทบทวนการบุกวัด พร้อมยอมรับคำว่าพระนักเลง คือเป็นพระพระพูดตรงเสียงดังชัดเจน คำไหนคำนั้น ยืนยันการตรวจสอบพระต้องมีประชาชนต้องช่วยสอดส่องอย่ากลัวที่จะทำความดี
วันที่ 18 พ.ค.65 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีนายจีรพันธ์ เพชรขาว หมอปลา (มือปราบสัมภเวสี) พร้อมพวก ได้มีการกระทำต่อพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จนเกิดเป็นประเด็นที่สังคมจับตา โดยได้ได้มีการสั่งการให้นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ติดตามและกำชับในเรื่องเหล่านี้ เพราะเรื่องของการปกครองสงฆ์ก็มีระเบียบของพระสงฆ์อยู่เช่นเดียวกัน เป็นการบริหารของเจ้าคณะเขต เจ้าคณะจังหวัด ซึ่งเป็นอีก 1 เรื่องที่ต้องเข้าไปกำกับดูแล
โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า หลังจากได้ติดตามข่าวเรื่องนี้ ก็ต้องขออนุโมนาบุญกับ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรัฐในตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ได้ลงมาให้ความใส่ใจในการที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบต่อไป การปกครองคณะสงฆ์มีมาตั้งแต่พุทธการพระที่มาบวชมีทั้งดีและทำชั่วมา ก็มีมาตั้งแต่พุทธกาลและซึ่งอาตมาก็ได้มีการดำเนินการในการใช้พระวินยาธิการเป็นเจ้าหน้าที่ดูและมีการปกครองเป็นลำดับชั้น ซึ่งระเบียบก็มีอยู่แล้ว ซึ่งท่านนายกและผู้ใหญ่ก็ทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งใครที่มาทำเกินขอบเขตหน้าที่ก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า เรื่องการปกครองวัดเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสโดยตรวจ เช่นอาตมาก็ได้มีการเป็นเจ้าอาวาสมาแล้ว 17 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสก็ต้องมีการฝึกทดลองการทำงานมาก่อน โดยหลวงพ่อพูลท่านได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาก่อน และที่วัดไผ่ล้อมก็ใช้การปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้เหตุผลมาตลอด และใช้หลักอยู่ให้วัดอาศัยไม่ใช่อาศัยวัดอยู่ ซึ่งแต่ละรูปก็จะมีการหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบในการปกครองดูแลซึ่งหากไม่มีระบบก็จะเกิดปัญหาดังที่มีเรื่องกันดังที่เป็นข่าวแน่นอน วันนี้ทนายกองทัพธรรมได้เข้ามาขับเคลื่อนแล้วและไม่ใช่ว่าจะทำแต่ปกป้องแต่ก็ต้องมีการตรวจสอบพระที่ไม่ดีด้วย นี่คือกติกาที่จะต้องนำมาปรับใช้
“ส่วนคำถามหลังกรณีหมอปลาส่อโดยแจ้งข้อหาหลายคดี อาตมาได้พูดไปแล้วเขาไม่ฟังก็ไม่รู้จะพูดยังไงแต่สิ่งที่ออกมาพูดคือเจตนาดีไม่ได้มีความโกรธแค้นเคืองในเรื่องส่วนตัวกับใครทั้งสิ้น และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งหากจะมองว่าเป็นพระนักเลงเป็นเพราะเราเป็นพระที่พูดเสียงดัง ยอมรับว่าใช่ คือเป็นพระที่พูดเสียงดัง คำไหนคำนั้น ไม่ใช่พูดกระร่อนปริ้นปล้อนกับใคร และพูดตรงไปตรงมา เราอยู่ด้วยพรหมวิหาร4 คือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา นั่นเอง เราไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ทำ แต่ทำน่ะสามารถทำได้ ดีแล้ว เราช่วยกันสอดส่องในแวดวงพระพุทธศาสนา ดีแล้วครับแต่ทำตามขั้นตอนของตัวบทกฎหมายรับรองว่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ทุกสังคม ฆราวาสมีทั้งคนดีและคนชั่วอาตมาไม่เชื่อว่าในสังคมมีแต่คนดี อาตมาไม่ที่ทางเชื่อเช่นกันพระบอกว่าพระภิกษุสงฆ์ดีทุกรูป เป็นไปไม่ได้ ก็คือจะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว ซึ่งประชาชนสามารร้องเรียนพระได้ ซึ่งพระก็เป็นคน ซึ่งคนมาบวชก็เป็นพระ เรียกว่าสมมติสงฆ์ โดยการท่องขานนาคและสวดญัตติ แต่กฎข้อปฎิบัติจะทำได้หรือไม่ก็อีกเรื่อง ซึ่งอาตมาใช้ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก มันก็ไม่หลุดไปจากหลักการนั่นเอง เจริญพร
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม