นักข่าวนนทบุรีเข้าแจ้งความหลังถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ลั่น ผกก. ต้องชี้แจงหลังท้าทายให้มาแจ้งความโรงพัก
1 min readจากกรณีมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งลงข่าวระบุว่า "ผกก.รัตนาธิเบศร์ ท้านักข่าวมาแจ้งความ ปมอ้างถูกเด็กเจ้าแม่เงินกู้ถือมีดดักทำร้าย แต่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจกล้องตามเวลาที่บอก กลับไม่พบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" โดยสำนักข่าวดังกล่าวลงเนื้อหากล่าวถึงว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ชนติชา สังข์จันทร์ อายุ 29 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ปรัชญ์ พิชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ว่าได้ถูก น.ส.เมธินี สว่างนวล อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้าแม่เงินกู้รายหนึ่ง ทำร้ายร่างกายด้วยการจิกหัวตบหน้า เนื่องจากไปกู้เงินจำนวน 2 หมื่นบาท แล้วขาดส่ง นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่าระหว่างเดินทางกลับจากบ้านผู้เสียหาย ได้ถูกลูกน้องเจ้าแม่เงินกู้เดินถือมีดในลักษณะข่มขู่ ทางด้าน พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก. สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ต.บรรจบ ราชกิจ สว.สส. ได้เชิญตัว น.ส.เมธินี และ น.ส.ชนติชา คู่กรณีทั้งสองมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่ง น.ส.เมธินี กล่าวว่า น.ส.ชนติชา มาขอกู้เงินแม่ตนไป แต่ไม่ยอมจ่ายตามที่สัญญาไว้ วันเกิดเหตุตนกลับมาจากทำงานเห็น น.ส.ชนติชา เดินในซอยพอดี จึงเข้าไปถามว่าทำไมไม่จ่ายเงิน แต่ น.ส.ชนติชา กลับเถียงพูดจาไม่ดีใส่ ตนจึงได้ตบหน้า น.ส.ชนติชา ไป 3 ที และยืนยันว่าไม่ได้บอกว่ารู้จักกับตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ตามมีข่าวนำเสนอมั่ว ๆ ออกไป ตนแค่ท้าให้ไปแจ้งความเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.เมษนนท์ กล่าวว่า น.ส.ชนติชา ได้เข้ามาแจ้งความเรื่องถูกทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ได้ระบุว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องกู้ยืมเงินกัน เมื่อทางเจ้าหน้าที่ทราบจากข่าวที่นำเสนอออกไปคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งเรื่องที่ผู้ก่อเหตุท้าให้ผู้เสียหายไปแจ้งความ แต่ไม่ได้พูดว่ารู้จักกับตำรวจทั้งโรงพัก รวมถึงเรื่องที่มีชายถือมีดมาดักรอทำร้ายผู้สื่อข่าวรายนี้ด้วย เนื่องจากหลังทราบเรื่อง ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไล่กล้องวงจรปิดในชุมชนตามวันเวลาที่ระบุว่าถูกข่มขู่ทำร้าย แต่ไม่พบเหตุการณ์ใด ๆ ตามที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวนำเสนอ ทำให้เมื่อมีข่าวออกไปโรงพักก็ได้รับความเสื่อมเสียเช่นกัน ดังนั้นหากเกิดเหตุตามที่นำเสนอข่าวออกไปจริง ตนขอให้มาเข้าแจ้งความได้เลย ถ้าเป็นเรื่องจริง”
ล่าสุด ! เมื่อเวลา 14.00 น. นายสมนึก และ นายสมคิด ลือประดิษฐ และ นายอุเทน อุดมศิลป์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนนทบุรี ที่เดินทางไปทำข่าวในพื้นที่ดังกล่าวและถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงพร้อมนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงกับเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วิทยา เซ็นบัว ร้อยเวร สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมาย ในส่วนที่มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งลงข่าวว่า “ผกก.รัตนาธิเบศร์ ท้าทายนักข่าวมาแจ้งความนั้น”ซึ่งหากทางผกก.รัตนาธิเบศร์ได้มีการพูดท้าทายหรือไม่ได้มีการพูดท้าทายสื่อจริง ก็ขอให้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว ถ้าหากไม่ได้พูดทางผกกก.รัตนาธิเบศร์จะต้องดำเนินคดีกับสำนักข่าวดังกล่าวที่ลงข่าวนี้และให้ทำการลบข่าวดังกล่าวทันที โดยในวันนี้ไม่พบว่า พ.ต.อ.เมษนนท์อยู่ที่โรงพัก เลยไม่ทราบข้อเท็จจริง ทราบจาก พ.ต.ท.มนัส นิลกลัด รองผกก.(สอบสวน) ว่าผู้กำกับไม่ได้พูดท้าทายตามที่สื่อ ดังกล่าวนำไปลง
ทางด้านทนายโป้ง หรือนายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานทนายความชมรมจิตอาสา กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาแจ้งความพร้อมผู้สื่อข่าวที่โดนข่มขู่ในเรื่องของการข่มขู่คุกคาม ในส่วนของประเด็นที่ผกก.รัตนาธิเบศร์ ได้พูดท้าทายสื่อตามที่สื่อสำนักหนึ่งได้ลงข่าวไว้ว่า “ผกก.สภ.รัตนาฯท้าสื่อ ถ้าถูกคุกคามจริงให้มาแจ้งความ” ทาง ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ต้องออกมาพูดความจริง ว่าพูดจริงหรือไม่จริง ซึ่งถ้าผกก.ไม่ได้พูด ทางผกก.จะต้องดำเนินคดีกับสื่อสำนักนั้น และในข้อหาเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่ผิดกฏหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกฏหมายกำหนด ซึ่งในสื่อนั้นระบุชัดเจนว่ามีการดำเนินคดีแล้ว จะต้องนำหลักฐานมาโชว์ว่าได้มีการดำเนินคดีแล้วจริงหรือไม่อย่างไร.
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ภ.จว.นนทบุรี เพื่อร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ถึงกรณีดังกล่าวเพื่อชี้แจงและขอให้ช่วยตรวจสอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้มีการนัดหมายพูดคุยหาข้อสรุปกับทาง ผกก.ในวันที่ 11 ส.ค.65 เวลา 13.00 น. ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์
เพื่อพูดคุยเจราจากับผกก.และนักข่าว ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนางสาวนุ๊กลูกหนี้ที่ถูกทำร้ายร่างกายรายนี้และได้รับการเยียวยาโดยนางสาวนุ๊ก กล่าวว่า ทางคู่กรณีได้ยกหนี้จำนวน 20,000 บาทให้กับตนเองทั้งหมดและไม่ต้องจ่ายดอกนายวันวันละ 350 บาทแล้วอีกทั้งยังได้ให้เงินเยียวยาค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าทำขวัญมาอีก 5,000 บาท ให้กับตนเองแต่ตนเองก็ขอยืนยันในข้อเท็จจริงว่าทางคู่กรณีพูดเรื่องที่รู้จักกับตำรวจทั้งโรงพักจริงไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยกู้จนอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ส่วนที่ตนพูดในวันนั้นก็เพราะว่าตนได้รับการเยียวยาดูแลแล้วอีกทั้งยังเกิดความกลัวและอยากให้เรื่องต่างๆจบลงไปไม่ต้องมามีปัญหากันในภายหลังอีก ตนเองยืนยันว่าข่าวที่ลงไปในวันแรกเป็นเรื่องจริงตนกู้เงินมาจริงและถูกทำร้ายจริงเขาอ้างว่ารู้จักตำรวจทั้งโรงพักจริงแต่ที่ต้องพูดไปแบบนั้นในวันที่มีการเยียวยา เพราะตนเองเกิดความกลัวและไม่อยากให้มีปัญหาตามมาในภายหลังอีก