คืบหน้าศพ พล.ต.ต.ธารินทร์ เดินทางบำเพ็ญกุศลที่ปราจีน ภรรยาเผยสามีถูกกดดัน
1 min read
จากกรณีที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตจเรตำรวจใช้อาวุธปืน นายวิจัย สุขรมย์ และนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ คู่กรณี และนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย ใช้อาวุธปืนยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ เสียชีวิต ในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดจันทบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องที่ดิน จำนวน 3,800 ไร่ ซึ่งมีการฟ้องร้องกันมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
ในช่วงค่ำ วันนี้ 13 พ.ย.62 ญาติพี่น้องได้นำศพ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ มาบำเพ็ญกุศล ณ วัดหลวงปรีชากูล ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยมีญาติพร้อมเพื่อนบ้านที่ทราบข่าว ได้เดินทางไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพเป็นคืนแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งทางญาติได้กำหนดการบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ตั้งแต่วันที่ 13 – 15 พ.ย. 62 และในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย. 62 เวลา 16.00 น. จะมีพิธีฌาปนกิจศพ (ประชุมเพลิง)
นางสาวเขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาของ พล.ต.ต. ธารินทร์ จันทราทิพย์ กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ว่า น่าจะเกิดความเครียดสะสมมาเป็นเวลา 8 ปี พยายามจะพิสูจน์ความจริงเรื่องที่ดินพิพาท ปัญหาหลักฐานทางราชการต่าง ๆ ที่ค้นหาและตรวจสอบได้มาภายหลังเป็นเพราะมูลเหตุที่พี่เขาถูกฟ้องด้วย จึงต้องพยายามหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ คดีแรกที่มีการเอาที่ดินไปเกิดจากแถลงเท็จข้อมูลทายาท ที่จริงทายาทมี 6 หก แต่เหลือ 3 คน คุณแม่ของดิฉันเป็นลูก 1 ใน 6 คน จึงขอให้พี่ธารินทร์มาช่วย ตอนแรกคิดว่าการพิสูจน์ทายาทไม่น่าจะยาก จึงฟ้องคดีแพ่งให้เพิกถอนคำพิพากษา ซึ่งแถลงเท็จต่อศาลว่ามีทายาท 3 คน พอทางคุณบุญช่วยมาเบิกความในคดีแพ่งที่เราฟ้อง เขาบอกว่าเป็นคนบริจาคเงิน เสียภาษี เขาเป็นคนกองทุนสวนยาง พอเราไปพิสูจน์กลายเป็นว่าเป็นเรื่องของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ คุณแม่เล่าให้ฟังและบรรพบุรุษก็เล่าว่าเป็นเรื่องของ พระกิตติโธ ซื้อขายที่ดิน ไม่ใช่ทางน้องพระ ซื้อขายในนามมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ
พี่ธารินทร์ เห็นว่าที่ดินอันนี้เกิดจากการเรี่ยไรบุญ เป็นที่ดินของพระพุทธศาสนา เขาจึงอยากให้เป็นไปตามความจริงว่า ในเมื่อบรรพบุรุษซื้อขายกับพระเป็นเจตนาที่ดี มีเจตนาที่จะสร้างวิทยาลัยเกษตรของสงฆ์ ไปเรี่ยไรบุญประชาชนมา อยากให้เป็นไปตามความจริงในอดีต เราพลาดตรงที่ว่าตอนคดีแพ่ง เราไปขอให้ทางมูลนิธิออกมา ไปหาหลักฐานจากมูลนิธิ ทางมูลนิธิอ้างว่ากรรมการเปลี่ยนใหม่หมด หลักฐานไม่มี เราจึงต้องสู้ประเด็นเดียวคือเรื่องทายาทไม่ครบ พอเขาเบิกความ และทางเราได้หลักฐานทางราชการมาแล้ว คู่สัญญาตัวจริงคือมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุกับนายสมพล เราจึงฟ้องคดีอาญา แต่กลายเป็นว่าคดีอาญา แต่พอศาลไต่สวนมีมูลแต่ก็ถูกจำหน่ายคดีออกไป ไม่ได้ทำคดี 4 ปี คดีที่มีหลักฐานราชการก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้พิสูจน์ความจริง ส่วนคดีแพ่งที่เราพิสูจน์จำนวนทายาทเท่านั้นตอนนั้นยังไม่มีหลักฐานทางราชการ กลายเป็นว่าเดินหน้า แต่ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาลงมาว่าคุณบุญช่วยเป็นคนซื้อ แต่ในขณะที่หลักฐานทางราชการถูกจำหน่ายออก แต่เหมือนกับว่าศาลมองว่ามีคำพิพาทษาไปแล้ว ทำให้คดีถูกฟ้องกลับมามากมาย พี่เขาเลยเครียดเหมือนกับทุกอย่างไม่ใช่ความจริง
หญิงอยากขอให้ประชาชนทั่วประเทศ อยากจะบอกว่าพี่ธารินทร์ได้ต่อสู้แบบลูกผู้ชาย เขามีเลือดตำรวจเข้มข้น ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด คนอย่างเขามีศักดิ์ศรี เขามุ่งมั่นในการพิสูจน์ความจริง หลักฐานทางราชการที่เขาหามาได้ชัดเจนแล้ว จึงอยากพิสูจน์ความจริงให้ได้ แต่ขบวนการพิจารณามีอะไรแปลกๆ เยอะ และเหมือนกับว่าบางอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีการพูดจาในศาลส่อเสียดและเหยียดหยาม พาดพิงถึงคุณพ่อที่เสียไปแล้ว การแสดงออกของอีกฝ่ายจะเป็นการแสดงความมีบารมี และอำนาจผู้ใหญ่ที่สนิทสนม
ก่อนเกิดเหตุมีการพาดพิงถึงคุณพ่อพี่ธารินทร์ คุณพ่อเสียไปแล้วจึงไม่น่าเอามาพูดในเมื่อไม่เกี่ยวข้องในคดี บางครั้งก็มีการแสดงส่งนิ้วกลางให้ และมีท่าทางเหมือนกับรุนแรง พูดกันด้วยอารมณ์ปะทะกัน ระหว่างขบวนการพิจารณามีการถามคำถาม เมื่อขอดูเอกสาร ทางฝ่ายนั้นไม่ให้ จึงมีการดึงยื้อเอกสารกัน ทำให้ศาลตำหนิ พี่เขาจึงมีความรู้สึกว่าในเมื่อการพิจารณาคดี เขาก็มีสิทธิดู เอาอะไรมาถาม หลักฐานคืออะไร แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ทำให้โปร่งใส ไม่ยอมให้ดู ในเมื่อทางพี่ธารินทร์มีเอกสารทางราชการชัดเจน ทั้งงบดุลมูลนิธิ ทั้งการบริจาค กองทุนบ้านสวนยาง รวมทั้งการเสียภาษีของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ และมีการระบุว่าที่เจ้าของโรงหนังไทยรักมิตรซื้อขายที่ดินให้กับมูลนิธิ ซึ่งยังไม่มีการโอน มันจะมีหลักฐานเป็นที่ของราชพัสดุทำถึงกรมธนารักษ์ ระบุถึงการบริจาคที่ดินมี 2 ส่วน คือนางกิมเหรียญบริจาค อีกส่วนหนึ่งเป็นมูลนิธิฯบริจาค ระบุว่า น.ส.3 เป็นเจ้าของโรงหนักไทยรักมิตรซึ่งหลักฐานยังไม่มีการโอน มันก็ชัดเจนว่า นายสมพลได้ขายที่ดินให้กับมูลนิธิ เมื่อมีคนสวมรอยมาว่าเป็นคนซื้อ พี่ธารินทร์ก็อยากให้ความจริงคือความจริง และได้มีการไปร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ปลดยศพี่ธารินทร์ จึงเป็นมูลเหตุหลายๆ เรื่องที่โดนกลั่นแกล้งเขาและฟ้องหลายคดี ทั้ง ๆ ที่เขาจะมาพิสูจน์ความจริง แต่กลับมาโดนฟ้องกลังเยอะแยะ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากมาย จึงเกิดความกดดันหลายๆ อย่าง
สายชล หนูแดง ปราจีนบุรี /ข่าว-ภาพ