ระดมช่วยหนุ่มเร่ร่อน ถูกรถชน รพ.ส่งกลับนอนตากฝน ในศาลเจ้ากลางเมืองนครปฐม (มีคลิป)
1 min readหลายภาคส่วน ทีมงาน หลวงพี่น้ำฝน เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม และหน่วยงานพม.นครปฐม เทศบาลเมืองนครปฐม ลงพื้นที่ประสานการช่วยเหลือชายไร้บ้านถูกจยย.บาดเจ็บ นอนโรงพยาบาล 1 คืนแล้วถูกส่งกลับมานอนตากฝน ชาวบ้านต้องอุ้มหลบฝนหวั่นนอนตายอนาถา โดยเจ้าตัวบอกไม่มีญาติไม่ขอกลับไปนอนโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กล่อมนานกว่าจะยอมไปรักษาตัวอีกครั้ง พม.นครปฐม วางแผนช่วยเหลือระยะยาวต่อไป
วันนี้ 29 กันยายน 65 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรณี เพจ ข่าวชัดประเด็นจริง และ เพจ เกียร์ 8 โกสต์ ได้มีการไลฟ์สด ขอความช่วยเหลือหนุ่มไร้บ้านถูกรถชนได้รับบาดเจ็บ นอนลำพังอยู่ในศาลาเอนกประสงค์บ้านนาขุม ศาลเจ้าพ่อไก่ ม.5 ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยในการไลฟ์สดได้แจ้งอาการผู้ป่วยเป็นชายว่ามีอาการน่าเป็นห่วงเนื่องจากขยับตัวไม่ได้มีบาดแผลที่หัวเข่าและแขนซ้าย วอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอประสานมายังหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมเพื่อให้ช่วยประสานหน่วยงานให้ ซึ่งช่วงลองการไลฟ์สดอยู่ในช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา
โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังศาลเจ้าพ่อไก่ ตามที่รับรายงานโดยพบชายคนดังกล่าวกำลังนอนอยู่บนพื้นกลางศาลเจ้า ซึ่งมีคณะทำงานของ พ.ท.ดร.สินธพ แก้วจิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.เขต1 นครปฐม และเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิหลวงพ่อพูล ซึ่งได้รับการสั่งการจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เข้ามาร่วมประสานงานกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐมและคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองนครปฐมได้เข้ามาร่วมในการช่วยเหลือชายคนดังกล่าว
จากการสอบถามทราบชื่อคือนายวินัย เทียนทอง อายุ 44 ปี หรือเตี้ย ซึ่งสามารถพูดได้แต่มีบาดแผลที่ร่างกายและบอกว่ามีเพียงอาการเจ็บขาเท่านั้นแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ให้ทำการลุกขึ้นนั่งหรือเดินให้ดู ไม่สามารถทำได้ซึ่งพยายามปฏิเสธที่จะมีการไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยบอกว่า ตนเองนอนพักอาศัยอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อไก่มานานกว่า 2 ปี โดยได้เก็บของเก่าขาย ก่อนหน้าร่างกายก็ปกติ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ขี่จักรยานไปเก็บของเก่าแต่ถูกรถจักรยานยนต์ชนล้มลง ซึ่งคนที่ชนได้ขับขี่หนีไปตนเองก็พยุงร่างที่มีบาดแผลกลับมานอนที่ศาลเจ้า ก่อนจะมีคนให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพาไปส่งโรงพยาบาล
“เขาให้ผมนอนอยู่ 1 คืนให้ยาแก้ปวดแล้วก็มาบอกว่ามีไม่ได้เป็นอะไรจะให้กลับบ้านตอนบ่าย จากนั้นก็ให้รถกู้ชีพนำมาส่งที่ศาลเจ้าแล้วก็มานอนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ไม่อยากไปโรงพยาบาลแล้วเพราะหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ส่วนยาก็ไม่ได้มา จะให้ติดต่อญาติก็ไม่มีแล้วเพราะพี่สาวเพิ่งตายไปไม่กี่ปีนี้ ไม่มีที่ไปจะนอนพักตรงนี้” นายวินัย หรือเตี้ยบอก
โดยเจ้าหน้าที่ได้นั่งทำความเข้าใจและเกลี้ยกล่อมนานกว่า 40 นาทีจึงยอมที่จะให้เจ้าหน้าที่นำขึ้นเตียงและนำตัวไปส่งโรงพยาบาลอีกครั้งท่ามกลางความโล่งใจของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ลงมาประสานงานให้การช่วยเหลือท่ามกลางฝนที่ตกลงมาในพื้นที่
นายกฤษดา สอดแสงอรุณงาม สมาชิกสภาเทศบาลเมืองนครปฐม บอกว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อบ่ายนี้และได้รับการประสานจาก พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐม เขต1 และนายณัทพงศ์ ถ้ำเพชร์ นายกเทศมนตรีเมืองนครปฐม เพื่อให้เข้ามาประสานความช่วยเหลือซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการกับหลายหน่วยงานเพื่อจะนำตัวกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐมอีกครั้งก่อน แต่การกลับมาที่ศาลเจ้าหลังประสบอุบัติเหตุได้อย่างไรยังไม่ทราบว่าออกมาได้อย่างไร จะเป็นการที่โรงพยาบาลให้กลับหรือหนีออกมายังไม่ทราบ ซึ่งขั้นต่อไปต้องขอประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะให้การช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป
ด้านนายจักรพงษ์ กลิ่นเจริญ หรือบอล บอกว่า ตนเองอยู่บ้านติดกับศาลเจ้าพ่อไก่และเห็นนายเตี้ยมานาน ซึ่งปกติเขาก็ทำงานขี่รถจักรยานได้และตนเองและเพื่อนบ้านก็สงสารจะนำข้าว น้ำดื่มมาให้ประจำ ซึ่งเมื่อวันก่อนรู้ว่านายเตี้ยถูกรถชนและมีรถมารับไปส่งตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม ก่อนเย็นอีกวันจะถูกส่งตัวกลับมาที่ศาลเจ้า พอตกค่ำมีฝนตกลงมาตนเองเห็นนายเตี้ยไปนอนกองในร่องน้ำ จึงได้ไปอุ้มกลับมานานที่บนพื้น และด้วยความเป็นห่วงจึงได้สอบถามไปหาเพื่อนที่ทำเพจอยู่เพื่อให้ช่วยไลฟ์สด ขอความช่วยเหลือและได้มีหลายหน่วยงานทั้งทีมงานของ เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม และหลวงพี่น้ำฝน เทศบาลเมืองและพม.นครปฐม มารับตัวไปได้ตนเองรู้สึกดีใจ
ขณะที่ชาวบ้านหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงว่าหลังจากที่นายเตี้ยถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลนครปฐมตั้งแต่ครั้งแรกเหตุใดถึงได้นอนเพียงคืนเดียวและส่งตัวกลับมาที่เดิม ทั้ง ๆที่อาการไม่ดีและเดินไม่ได้และไม่มียากลับมาให้กิน รวมถึงการดูแลในระยะยาวว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วจะมีการจัดสถานที่หรือให้อยู่อย่างไร โดยทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงจังหวัดนครปฐมได้แจ้งว่าหลังการรับการรักษาตัวจะมีการประสานความช่วยเหลือต่อเนื่องในกรณีของคนเร่ร่อนต่อไป
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม