“บิ๊กโจ๊ก” สั่งรวบขบวนการ จนท.รัฐ เอื้อประโยชน์ฮั้วประมูลเรือของกลาง
1 min readจากกรณีมีการลักลอบนำเรือจากประเทศมาเลเซียเข้ามาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการประมง ร่วมกับ ศรชล จับกุมเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติซึ่งลักลอบเข้ามาทำการประมงโดยผิดกฎหมายหรือ IUU จำนวน 5 ลำ พร้อมดำเนินคดีเจ้าของเรือและลูกเรือรวมจำนวน 22 ราย โดยมีการตรวจยึดเรือทั้ง5 ลำเป็นของกลางในคดี ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสิงหนคร ได้มอบเรือของกลางทั้ง 5 ลำ ให้กับด่านศุลกากรสงขลาเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และในวันที่ 17 มีนาคม 2565 ด่านศุลกากรสงขลา ได้มีการขายทอดตลาดเรือของกลางทั้ง 5 ลำ อาศัยอำนาจ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 โดยมีผู้เข้าร่วมการประมูล จำนวน 9 ราย นั้น
คณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้ตรวจพบความผิดปกติในการประมูลเรือของกลางทั้ง 5 ลำ จึงได้รายงานต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ สืบสวนและสอบสวนเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยทันที โดยเน้นย้ำให้ใช้ความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย
โดยพฤติการณ์ในคดีนี้ ก่อนที่จะมีการเข้าเสนอราคากันนั้น เชื่อว่าได้มีการตกลงหรือสมยอมกันว่าให้ผู้เข้าเสนอราคารายอื่นเข้ามาร่วมเสนอราคาเพื่อมีราคาที่เหมาะสม โดยผู้ชนะการประมูลดังนี้
นางสาวเพ็ญฤดี อิ่มทั่ว ได้ชนะการประมูลเรือ 3 ลำ ได้แก่
o เรือ KNF7706 (KM.KILAT MAJU JAYA 65)
o เรือ KNF7451 (KM.HASIL MELIMPAH 12)
o เรือ PAF4727(KM.EDBERT JAYA5)
นางสมสวย คงวัดใหม่ ได้ชนะการประมูลเรือ 1 ลำดังนี้
o เรือ KNF7705 (JADE 3 EKS.FU YUAN YU)
นายสุรัตน์ บัวผุด ได้ชนะการประมูลเรือ 1 ลำดังนี้
o เรือ KNF7779 (JADE 5 EKS.FU YUAN YU 794)
เมื่อตรวจสอบชื่อและนามสกุล ของผู้เข้าร่วมในการเสนอราคา รวมถึงที่อยู่จริงของผู้เข้าร่วมเสนอราคา พบความผิดปกติ กล่าวคือ ผู้ชนะเสนอราคาและผู้เข้าร่วมการเสนอราคาเรือของกลางดังกล่าวข้างต้นทั้ง 5 ลำ มีความเชื่อมโยงกัน บางรายมีความสัมพันธ์กันเชิงเครือญาติ และมีลักษณะตกลงสมยอมราคากันโดยไม่มีเจตนาที่ จะเสนอราคาแข่งขันกันอย่างแท้จริง เพียงเพื่อให้เจ้าของเรือเดิมเป็นผู้ชนะในการเสนอราคาและได้เป็นผู้ได้ทำสัญญากับด่านศุลกากรเท่านั้น
และเมื่อเสร็จสิ้นการประมูล ผู้ชนะการประมูลได้นำเรือทั้ง 5 ลำ เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียโดยไม่ได้แจ้งกรมเจ้าท่า ไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและ ฝ่าฝืนคำสั่งกักเรือของพนักงานเจ้าหน้าที่และในความผิดเกี่ยวกับฮั้วประมูล ตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยกล่าวหาว่า ผู้ใดตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์ แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทางสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม โดยการกีดกันไม่ให้มีการเสนอราคา โดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใชเ่ป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ โดยมีผู้ต้องหา จำนวน 8 รายดังนี้
1.นางเพ็ญฤดี อิ่มทั่ว
2.นางสมสวย คงวัดใหม่
3.นายสุรัตน์ บัวผุด
4.นางเรืองศรี อิ่มทั่ว
5.นางพิมพา นวลทอง
6.นายโชคชัย เหมพลเทพ
7.น.ส.รุ่งนภา พราหมวิเชียร
8.นายสุรชัย จารุธรรมาภรณ์
ส่วนพฤติกรรมของกลุ่ม จนท.รัฐ มีผอ.ศุลกากร ภาค 4 เป็นหัวหน้าและนายด่านจังหวัดสงขลา เป็น รอง หน. มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 7ราย ผอ.อนุมัติการขายเรือ 3 ลำ และนายด่านเป็นผู้อนุมัติการขายเรือ 2ลำ ซึ่งโดยปกติแล้วอำนาจอนุมัติเป็นของ ผอ.ส่วน แต่นายด่านกลับพิจารณา อนุมัติเรือดังกล่าวเอง และกรรมการมีหน้าที่ดำเนินการขายทอดตลาด รวบรวมข้อมูลการเสนอขออนุมัติ โดยลักษณะเป็นการแบ่งหน้ากันทำเป็นขั้นเป็นตอน และในการประมูลนั้น ยังมีการปิดบังข้อมูลที่สำคัญ หรือแจ้งข้อมูลไม่ตรงตามความจริงในข้อพิจารณา อ้างระเบียบในการเสนอของกรรมการโดยใช้ราคาตลาดที่ไม่ตรงตามความจริง ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยมีการทำให้ราคาประมูลสูงสุด มีความเหมาะสมเป็นราคาที่ขายได้ ทำให้การอนุมัติของผอ.ศุลการ ภาค 4 และนายด่าน ดูเหมือนมีความถูกต้อง เหมาะสม โดยจะแยกพิจารณาพฤติการณ์ในการกระทำผิดเป็นรายบุคคล พบว่า มีเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรร่วมกระทำความผิดจำนวน 10 รายและผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่จำนวน 8 ราย รวมทั้งหมด 18 ราย
โดยต่อมาจากการรวบรวมพยานหลักฐาน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ร่วมกระทำผิดจำนวน 10 ราย ดังนี้
นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 มีหน้าที่เป็นผู้พิจารณาอนุมัติวิธีจำหน่ายของกลางและอนุมัติการขายทอดตลาด
2.นายวรชาติ คงจินดามณี ตำแหน่ง นิติกร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 มีหน้าที่ ตรวจสอบ กลั่นกรอง และประมวลเรื่องในข้อเท็จจริง ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เสนอต่อผู้บังคับบัญชา ในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
3.นางสาวจินตนา คงเมือง ตำแหน่ง นายด่านศุลกากรสงขลา มีหน้าที่ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ การขายทอดตลาด
4.นางสาวอมรรัตน์ ผาสุข ตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรที่ 2 ด่านศุลกากรสงขลา และเป็นกรรมการ
5.นายวีรศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานคณะกรรมการ
6.นายสุชาญ เทพไชย เป็นคณะกรรมการ
7.นางสาวชญานิน สุทธากาศ เป็นคณะกรรมการ
8.นายสุรเชษฐ ปานสี เป็นคณะกรรมการ
9.นางพรทิพย์ สีดาวงศ์ เป็นคณะกรรมการ
10.นางสาวกรกนก ฐิติพรวณิช เป็นคณะกรรมการ
ซึ่งลำดับที่ 1,3-10 เป็นผู้มีหน้าที่เป็นกรรมการขายทอดตลาด และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติขายทอดตลาดเรือประมงทั้ง 5 ลำ ในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฎิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ไม่ยุติการประมูลการขาายทอดตลาดเมื่อรู้หรือควรจะรู้ปรากฎหลักฐานแจ้งชัดว่ามีการฮั้วแต่ไ่ม่ยุติการขาย และกระทำการใดๆเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประมูลรายหนึ่งรายใด ตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ม.10,12
และมีผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 157 จำนวน 8 ราย ดังนี้
1.นางเพ็ญฤดี อิ่มทั่ว
2.นางสมสวย คงวัดใหม่
3.นายสุรัตน์ บัวผุด
4.นางเรืองศรี อิ่มทั่ว
5.นางพิมพา นวลทอง
6.นายโชคชัย เหมพลเทพ
7.น.ส.รุ่งนภา พราหมวิเชียร
8.นายสุรชัย จารุธรรมาภรณ์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งองค์กรจากต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งการเอื้อประโยชน์ในลักษณะของการฮั้วในการประมูลงานเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการประมูล แสวงหาประโยชน์ที่มิชอบจากผู้ประมูลได้ จากการดำเนินการมีการกระทำในลักษณะเป็นการสมยอมในการเสนอราคาและมีพฤติการณ์ต่างๆอันทำให้มิได้มีการแข่งขันกันเสนอประโยชน์สูงสุดให้แก่หน่วยงานของรัฐอย่างแท้จริงและเกิดผลเสียหายก่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นการละเว้นไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ อันมีผลทำให้ปัญหาในการเรื่องนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีการรับสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบเรือ ขาเข้า- ขาออก ในประเทศ จำนวน 11 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 6 คน
เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า จำนวน 2 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข จำนวน 3 คน
โดยทั้ง 11 ราย ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต