ตํารวจภูธรภาค 3 และ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตํารวจภูธรภาค 3 แถลงผลการสืบสวนจับกุมและขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดดรายสําคัญ
1 min read
ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 กําหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดําเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสําคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวตรวจยึดทรัพย์สินรถยนต์จํานวน 1 คันชายแดน และพื้นที่ ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากลภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ปส.ตร. ได้นํานโยบาย รัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และขับเคลื่อน นโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่
ตํารวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.๓, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.๓ /ผอ.ศอ.ปส.ภ.3, พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รอง ผบช.ภ.3, นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อํานวยการสํานักงาน ปปส.ภาค 3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทําลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นท่ีชั้นในโดยการอํานวยการของ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 และ พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.๓ สั่งการให้ พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ นามจันทร์เจียม รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก สํานักงาน ปปส.ภาค 3 นําโดย นายวรเชษฐ์ สัจจาลักษณ์ ผอ.บก.ปปส.ภาค 3, นายชัยวัฒน์ ไชยวงศ์ ผอ.ตส.ปปส.ภาค 3 ร่วมกัน ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตํารวจภูธรภาค 3 และสํานักงาน ปปส. ในการ ระดมกวาดล้างปราบปรามยาเสพติด การปิดล้อมตรวจค้น ตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติด ของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่และมีผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 ได้ร่วมกันจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ได้ผู้ต้องหาจํานวนหลายราย และจากการซักถามสืบสวนขยายผล ผู้ต้องหาให้ การว่า ได้ซื้อยาบ้าดังกล่าวมาจากนายยงยุทธ มาอิสูงเนิน โดยการติดต่อกับนายยงยุทธฯ ทางโทรศัพท์ และโอนเงินค่ายาบ้าให้นายยงยุทธฯ โดยใช้บัญชีบุคคลอื่นในการรับเงินค่ายาเสพติด เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สืบสวน ๓ บก.สส.ภ.3 ร่วมกับเจ้าพนักงาน สํานักงาน ปปส.ภาค 3 ได้ร่วมกันสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่า มีเงินหมุนเวียนกว่า 10,000,000 บาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านหัน จว.นครราชสีมา เพื่อให้ดําเนินคดีกับนายยงยุทธฯ ในฐานความผิดฐาน “สบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการ กระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สบคบกัน” และศาลจังหวัดสีคิ้ว ได้อนุมัติออก หมายจับ ที่ 116/2565 ลงวันที่ 2 กันยายน 2565 ทต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 ร่วมกับเจ้าพนักงาน ปปส.ภาค 3 ได้ร่วมกัน สืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนทราบแหล่งที่พัก และพบว่าของนายยงยุทธฯ และภรรยา มีทรัพย์สิน หลายรายหลายการ รวมทั้งมีการสร้างบ้าน ซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่น แต่มิไม่ได้ ประกอบอาชีพอื่นใด และเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 ร่วมกับเจ้าพนักงาน ปปส.ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.บ้านหัน นําหมายค้นของศาลจังหวัดสีคิ้ว เข้า ตรวจค้นบ้านพักที่เกี่ยวข้องกับนายยงยุทธฯ จํานวน 4 จดุ
จากการเข้าตรวจค้น สามารถจับกมตัวนายยงยุทธ มาอิสูงเนิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ บ้านพัก พร้อมทั้งตรวจยึด อาวุธปืนพกสั้น จํานวน 2 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน 55 นัด และ ยาบ้า จํานวน 100 เม็ด และจากการเข้าตรวจค้น บ้านพักที่เกี่ยวข้องกับนายยงยุทธฯดังกล่าว สามารถตรวจ ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวของกับนายยงยุทธฯ ผู้ต้องหา ดังนี้1.บ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง 2.รถยนต์ 3 คัน 3.รถจักรยานยนต์ 3 คัน 4.ทองรูปพรรณ 5.พระเครื่องเลี่ยมทอง6.เงินสด 108,300 บาท 7.กระบือ 16 ตัว
และพยานหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกบัการซื้อขายยาเสพติดรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด ทั้งสิ้นประมาณ ๔,๒๗๗,๑๙๐ บาท
ตํารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทําผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙, สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดําเนินการปราบปราม จับกุม ดําเนินคดี ผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป
ขอขอบคุณสื่อมวลชนทกุท่านที่ให้การสนับสนุนตํารวจภูธรภาค๓ด้วยดีเสมอมา