หนุ่มหวังมาเคาท์ดาวน์บ้านเกิดเจอคนไม่รู้จักฟันยับ แค้นไม่ให้เข้าในงาน

หนุ่มวัย 32 ปี กลับจากที่ทำงาน จ.ชุมพร หวังจะมาเคาท์ดาวน์ที่บ้านเกิดที่ อ.คูเมือง บุรีรัมย์ ไปเที่ยวงานวัด เจอวัยรุ่นต่างหมู่บ้านที่ไม่รู้จักกัน มารุมฟันยับทั้งร่าง เป็นตายเท่ากัน เผยสาเหตุนาตกใจ สองหมู่บ้านไม่ค่อยถูกกัน ถูกไล่ออกจากงาน แค้นพาเพื่อนมาดักฟันใครก็ได้ ไปเจอหนุ่มโชคร้ายเดินออกมาจากวัดก่อน 

วันที่ 30 ธ.ค.65 พ.ต.อ อัษฎไณย ป้องกัน ผกก.สภ.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมชุดสืบสวน สภ.คูเมือง ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 3 ตามไปควบคุมตัวนายจิรายุ หรือโด่ง ติดตารัมย์ อายุ24ปี บ้านเลขที่152/1 ม.11 ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ มาสอบสวน
หลังจากมีพยานเห็นชัดเจนว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5-6 คน ใช้อาวุธมีดรุมฟัน นายกิติพงษ์  เทินไพร หรือโซ่ อายุ32ปี อยู่เลขที่ 5/1 ม.6 บ้านหนองนางดำ ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วานนี้

จากการสอบถามนายบรรลุ คำอุด  อายุ 49 ปี ผู้ช่วย ผญบ. ม.6 บ้านหนองนางดำ   ต.บ้านแพ อ.คูเมือง ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ที่ผ่านมาวัยรุ่นหมู่บ้านหนองนางดำ กับวัยรุ่นบ้านแพ ซึ่งห่างกันประมาณ 2 กม.ไม่ค่อยถูกกัน มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ ทางผู้นำจึงมีการตกลงกันว่า จะไม่อนุญาตให้วัยรุ่นหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง ไปเที่ยวงาน ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งจัดขึ้น เพราะเกรงจะสร้างความวุ่นวาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ไปเที่ยวงาน

ซึ่งครั้งนี้คือวันที่ 29 ธ.ค.วัดบ้านหนองนางดำ ได้มีการจัดงานฉลองกุฎิ มีมหรสพ มาแสดงหลายรายการ กลุ่มตำรวจหมู่บ้านจึงคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่ปรากฏว่ามีนายโด่ง คนบ้านแพ เพียงคนเดียวที่แอบเข้าไปเที่ยวในงาน เมื่อคณะกรรมการเห็น ได้บอกให้กลับบ้านเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ซึ่งนายโด่งก็ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ ขี่รถจักรยานยนต์กลับไป
ก่อนงานเลิก ตนเองได้อำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าวัด ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชาวบ้านเดินออกมา มีเพียงรถจักรยานยนต์เพียง 1-2 คันเท่านั้น ต่อมาได้มีนายโซ่ เดินออกมาจากหน้าวัดเป็นคนแรก นายโซ่ เห็นตนได้ยกมือไหว้ 

จากนั้นนายโซ่ ได้เดินออกจากหน้าวัดไปประมาณ 50 เมตร ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มาประมาณ 3 คัน กรูเข้ามาใช้มีดรุมฟันนายโซ่ แบบไม่ยั้งจนนายโซ่ นอนแน่นิ่งเลือดอาบอยู่กับพื้น จากนั้นคนร้ายได้ทิ้งมีดไว้แล้วรีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

นายอนุชา ติดตารัมย์ อายุ 52 ปี พ่อเลี้ยงนายโซ่ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเลี้ยงลูกคนนี้มา 16 ปี ช่วงหลังไปทำงานอยู่จังหวัดชุมพร ไม่ค่อยได้กลับบ้านโดยเฉพาะช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ปีนี้จึงพาลูกกลับบ้านที่ อ.คูเมือง เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ลูกชายตั้งใจจะมาเคาท์ดาวน์ที่บ้านเกิดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ โดยได้เดินทางมาถึงบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา

วันเกิดเหตุลูกชายได้ขอเงิน 100 บาท บอกว่าจะไปเที่ยวงานวัด ตนก็ให้ไปสุดท้ายไปถูกทำร้ายแบบนี้ ตอนนี้อาการของลูกมีโอกาสน้อยมากที่จะรอดชีวิตเมื่อคำอธิบายจากหมอ แค่ยื้อรอพ่อแท้ๆกลับมาถึงอาจจะมีการถอดเครื่องช่วยหายใจ เพราะลูกถูกฟันตามศีรษะ ตามหลัง ตามลำตัวทั่วบริเวณ

สอบถามนายจิรายุ หรือโด่ง ติดตารัมย์ อายุ 24 ปี ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือจริง สาเหตุเพราะแค้นที่ถูกไล่ออกจากงาน จึงโทรศัพท์ตามเพื่อนมาดักทำร้ายใครก็ได้ที่ออกจากงานมา ประกอบกับเมาสุราจึงก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิด ตอนนี้ทำได้แค่ขอโทษญาติผู้บาดเจ็บเท่านั้น

ทั้งนี้หลังการสอบสวน นำตัวส่ง พ.ต.ท ชนะมาร เต็มปักษี สารวัตร(สอบสวน)สภ.คูเมือง อ.คูเมือง เพื่อดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ,พกพาอาวุธมีด เอาไว้ก่อน ซึ่งจะต้องรอดูอาการของผู้บาดเจ็บว่าได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุคนอื่นจะเรียกตัวมาสอบสวนต่อไป หากมีคนร่วมด้วยก็จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ภาพ/ข่าว วาทิตย์ แสนธุปี ทีมข่าวบุรีรัมย์