โคราช “พาข้าว” อัดโปรฯเต็มคาราเบลฉลองแกรนด์โอเพนนิ่ง
1 min readเปิดแล้ว “PHA-KHAO พาข้าว” คอมมูนิตีมอลล์ ของ “เครือไทยสงวน” โคราช ถือฤกก์ดีรับเทศกาลแห่งความรัก แกรนด์โอเพนนิ่งยิ่งใหญ่ ทุ่มทุนกว่า 100 ล. เนรมิตพื้นที่ 7 ไร่หน้า สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 วางเป้าหมายเป็นจุดแวะพักรถของนักเดินทางและศูนย์รวมความสุขของคนโคราชท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ ร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 40 ร้านอัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำแบบเต็มคาราเบลส่งความสุขลูกค้า พร้อมจัด “พาข้าวแฟร์”เฉลิมฉลอง พร้อมเปิดลานกิจกรรมให้ใช้ฟรี
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่ลานกิจกรรม “พาข้าว” นายวิเชียร จันทรโณทัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ “พาข้าว” หรือ PHA-KHAO Rest Area @Korat คอมมูนิตีมอลล์ (Community mall) หรือ “ศูนย์การค้าชุมชน” ที่ให้บริการสินค้าและบริการทั่วไป อย่างเป็นทางการ โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวแสดงความยินดี และมีนายศรรบ หล่อธราประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสงวนโภชนา จำกัด กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ มีนักธุรกิจ พ่อค้า คหบดี และประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายศรรบ หล่อธราประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสงวนโภชนา จำกัด และบริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ผู้บริหารสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 เปิดเผยว่าวันนี้เราได้ฤกษ์ที่ดีในการเปิดให้บริการโครงการ “พาข้าว” หรือ PHA-KHAO Rest Area @Korat คอมมูนิตีมอลล์ (Community mall) หรือ “ศูนย์การค้าชุมชน” ที่ให้บริการสินค้าและบริการทั่วไป อย่างเป็นทางการ โดยมีร้านค้าเข้ามาเป็นพันธมิตรเปิดให้บริการกับโครงการเราเต็มพื้นที่ ซึ่งจากการเปิดให้บริการลูกค้ามาระยะหนี่งเราได้รับการตอบรับ อย่างอบอุ่น ซึ่ง “พาข้าว” ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่เดินทางผ่านโคราชไปต่างจังหวัดและอำเภอต่างๆ และแวะพักรถที่พาข้าวเพื่อมาเลือกซื้อและเลือกรับประทานอาหารขึ้นชื่อที่นี่ รวมถึงผู้โดยสารที่เดินทางมาสถานีขนส่งเพื่อมาขึ้นรถโดยสารประจำทาง รวมถึงประชาชนชาวโคราชในเขตตัวเมืองนครราชสีมา กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว โดยพาข้าวมีพื้นที่อเนกประสงค์ บริเวณใต้หลังคาผ้าขาวม้า สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน
โดยในวันนี้ทางโครงการได้จัดพื้นที่ตลาด หรือ “พาข้าวแฟร์” โดยมีการออกบูทขายอาหารและสินค้าขึ้นชื่อของโคราช และร้านค้าต่างๆ ในพาข้าวได้ จัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อร่วมฉลองการเปิดโครงการ “พาข้าว”อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการขอบคุณลูกค้าที่มาใช้บริการที่พาข้าว ซี่งภายในโครงการเรามีสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ เข้ามาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น KFC Drive Thru, เซเว่น อีเลฟเว่น, ฟูดคอร์ต “สถานีอาหาร”,CAFE AMAZON ขนาด 2 ชั้น เป็นรูปแบบ Co-working Space และมีแผนที่จะเปิดบริการ 24 ชั่วโมง, บานาน่าไอ, คลินิกทันตกรรม “โคลอนบี”, ร้านสินค้าเกาหลี “อะโตมี่”, NOBICHA ร้านขายยา Fasino และร้านอาหารในเครือไทยสงวน “สวนผัก” พร้อมร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังครบวงจร
สำหรับ “พาข้าว” ตั้งอยู่บนที่ดิน 7 ไร่ บริเวณด้านหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 2 หรือ บขส.ใหม่ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ใช้งบลงทุนร่วม 100 ล้านบาท มีพื้นที่จอดรถได้ 200 คัน บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยต้นไม้สวยงาม มีพื้นที่จอดรถได้จำนวน 200 คัน ในอนาคตจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger Station) และเรายังเปิดพื้นที่ให้ฟรีสำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สามารถติดต่อเข้ามาได้ เพราะเราต้องการให้มาใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นายศรรบกล่าวอีกว่า “พาข้าว” เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจของเครือไทยสงวน เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนและชุมชน ซึ่งกลุ่มไทยสงวนอยู่กับธุรกิจการเดินทางมาตลอด และเรายกระดับสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยการพัฒนาพื้นที่บริเวณด้านหน้าสถานีขนส่ง ริมถนนมิตรภาพ-หนองคาย อ.เมือง จ.นครราชสีมา จำนวน 7 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ภายใต้โครงการพาข้าว เพื่อเป็นจุดพักรถ (Rest Area) ที่ทุกคนต้องแวะ หวังตอบโจทย์คนเดินทาง เพราะโคราชเป็นเมืองหน้าด่านหรือประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองผ่านไปยังจังหวัดต่างๆ ที่สำคัญของอีสาน “พาข้าว” จะเป็นจุดที่นักเดินทาง นักท่องเที่ยวต้องเข้ามาเช็กอินก่อนเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ หรือแม้กระทั่งประชาชนชาวโคราชหรือผู้ที่มารอขึ้นรถที่สถานีขนส่งก็สามารถมาใช้บริการหรือมาเช็กอินที่แห่งนี้เช่นกัน
สำหรับโครงการ “พาข้าว” ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงกลางคืนมีข้าวต้มคุณภาพเยี่ยมคอยให้บริการ ซึ่งร้านค้าที่เข้ามาอยู่ในพาข้าวล้วนผ่านการคัดสรรมาเพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุดจากพาข้าว และพาข้าวจะเป็นสถานที่ตอบโจทย์ทุกคนและจะอยู่ในชีวิตประจำวันของคนโคราช” นายศรรบกล่าวในที่สุด