“ชูวิทย์” ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” เอาผิด “หยูซินฉี่”
1 min readนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายและข้อมูลพฤติการณ์ของนายหยูซินฉี่ นายกสมาคมซานซีแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกตำรวจนำกำลังเข้าไปจับกุมที่บ้านพักย่านชานเมืองเมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการเข้าค้นสมาคม ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินคดีไปแล้วหลายข้อหาแต่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112
โดยก่อนการเข้าไปแจ้งความนายชูวิทย์เปิดเผยว่า นายอยู่มีพฤติการณ์เปิดสมาคมเถื่อนเพื่อใช้แอบอ้างหลอกลวงชาวจีนให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีความผิดหลายข้อหาทั้งเรื่องของการเปิดสมาคมเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต และการถูกถอนวีซ่า แต่ตนเองเห็นว่าข้อหาสำคัญซึ่งเกี่ยวพันและกระทบกระเทือนต่อศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งตนเองทราบว่าในข้อหาตามมาตรา 112 การแจ้งความจะต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษตนจึงนำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีซึ่งเป็นภาพถ่ายของนายหยูขณะกระทำการแอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ กับบุคคลสำคัญของประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี นายตำรวจดัง และบุคคลชั้นสูง อีกทั้งตนเองยังมีพฤติการณ์การก่อเหตุในความผิดข้อหาดังกล่าวอย่างละเอียดจึงรวบรวมข้อมูลมาแจ้งความในวันนี้
ทั้งนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ให้การช่วยเหลือนายอยู่และพรรคพวกจนสามารถออกวีซ่าให้อยู่ภายในประเทศได้จำนวนมาก จึงเห็นควรว่าต้องมีการกวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมายและทุจริต รวมถึงยังฝากไปถึงกรมการปกครองให้เข้าไปตรวจสอบสมาคมที่เปิดโดยผิดกฎหมายและสมาคมเถื่อนซึ่งพบว่ามีตั้งอยู่ในหลายสมาคมทั่วประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการตั้งสมาคมในลักษณะเดียวกับนายอยู่รวมแล้วหลายร้อยสมาคม ซึ่งตนเองมีข้อมูลว่าสมาคมดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกลุ่มอิทธิพลและอั้งยี่ซึ่งจะเป็นภัยอันตรายต่อประเทศ
นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังแฉสมาคมใหม่ที่ตั้งอยู่ย่านถนนศรีวรา โดยตั้งชื่อสมาคมว่า หงเหมิน 14K ฮ่องกงมาเก๊า โดยมีนายไบ๋ ชาวฮ่องกง เป็นนายกสมาคมฯ มีลักษณะพฤติการณ์คล้ายกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสมาคมดังกล่าว เพราะเป็นลักษณะของสมาคมเถื่อน และมาเฟีย
ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์หักพาลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดและให้นายชูวิทย์กมลวิศิษฎ์แจ้งความพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายอยู่รวมถึงประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสมาคม 14K พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดีกับนายหยู แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 112 จะต้องมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์จึงจะสามารถดำเนินคดีได้เมื่อนายชวิทย์เข้ามาแจ้งความก็จะรับเรื่องไว้และจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่นายชูวิทย์ส่งมอบให้หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะเร่งแจ้งข้อหากับนายหยู่โดยเร็วที่สุด
ส่วนประเด็นสมาคม 14K ที่นายชูวิทย์เปิดประเด็นในวันนี้ตำรวจจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและเข้าไปสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวหากพบว่าเป็นสมาคมเถื่อนหรือมีพฤติการณ์ในลักษณะของมาเฟียก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบทันที