อังคาร. เม.ย. 22nd, 2025

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

“ผบ.ตร.”สั่งจตช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี”ทุนมินลัต” ยืนยันการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นการปรับเปลี่ยนกำลังพลให้เหมาะสมกับการทำงาน

1 min read

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึง
กรณีเอกสารการชี้แจงของตำรวจชุดทำคดีเครือข่ายทุนมินลัตว่า สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งทางพล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกตร. ได้แถลงชี้แจงไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางพล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. ได้แถลงความคืบหน้าทางคดีไปอีกส่วนหนึ่ง และพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงได้ชี้แจงไปแล้วอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการตรวจสอบเรื่องถอนหมายจับทางจเรตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบเรื่องนี้ถึงเหตุต่างๆ แต่ดุลยพินิจของศาล เราไม่อาจไปก้าวล่วง ท่านก็ใช้ดุลยพินิจของท่าน ส่วนตำรวจจะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไรหรือไม่ เหตุใดถึงต้องไป มีความจำเป็นขนาดไหนถึงไม่ได้ประสาน กับบช.ปส. เท่าที่เห็นรายละเอียดเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง คดีนี้เกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 มีการส่งสำนวนไปให้ทางบช.ปส. แต่ทราบว่าวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ทางผู้กำกับการและสารวัตรได้ไปขอหมาย ซึ่งน่าจะเป็นวันแรกที่ทางพล.ต.ต.ธีรเดช มารับตำแหน่งผบก.สส.บช.น. ซึ่งทางพล.ต.ต.ธีรเดช บอกว่าไม่มีใครมารายงาน มารู้ทีหลังว่ามีการไปขอหมายจับและมีการถอนหมายจับ เป็นเรื่องที่เราจะตรวจสอบข้อเท็จจริง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ออกมาว่ามีผกก.ถูกย้าย ชุดถูกย้ายต่างๆ สารวัตรถูกย้าย ขอชี้แจงว่า ในอำนาจของผมคือผกก.-รองผบก. ผมได้มีการโยกย้ายเป็นไปตามคำยืนยัน หรือคำชี้แนะของผู้บัญชาการ ในการที่จะปรับเปลี่ยนกำลังพลให้เหมาะสมในการทำงาน ในส่วนของสว.-รองผกก. เป็นอำนาจของผู้บัญชาการ ในส่วนของผกก.ที่ถูกย้าย สุดท้ายย้ายไปที่จเรตำรวจ ก็เป็นเพราะเรื่องผลการทำงาน ก่อนหน้าอาจจะมีผลงานอะไรผมก็ไม่ทราบ แต่เมื่อทางผู้บัญชาการกับผู้บัญชาการยืนยันบอกว่าเขามีคนที่ทำงานได้ดีกว่าและดูจากผลประกอบการที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ใครมีผลงานมากน้อยเขาสามารถพิสูจน์ได้ แต่ไม่อยากพูดในตอนนี้ ซึ่งก็มีการหมุนไปตามจังหวะประจำปีไป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการหมุนระดับสว.-รองผกก. เป็นอำนาจของบช. ของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถ้าดูจากการโยกย้ายแล้ว การปรับเปลี่ยนจากสารวัตรศูนย์สืบมาเป็นสารวัตรสืบสวนพญาไทถือว่าไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย และไม่มีผลต่อทางคดีเนื่องจากคดีนี้อยู่ในอำนาจของบช.ปส.ไปตั้งแต่เดือนกันยายนด้วยซ้ำ และต่อมาทราบว่าอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราชตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถือเป็นความรับผิดชอบของทางอัยการสูงสุดซึ่งได้มอบให้ทางผบก.ปส.3 ร่วมกับทีมอัยการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของท่านไม่ได้เกี่ยวกับสารวัตรหรือไม่เกี่ยวอะไรอีกแล้ว สารวัตรอาจเป็นจะเป็นผู้กล่าวหาซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ แต่การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขึ้นอยู่กับชุดของคดีนอกราช

เมื่อถามถึงขั้นตอนการถอนหมายจับระบุว่าให้ออกหมายเรียกภายใน 15 วัน ถ้าไม่มาตามหมายเรียกให้ออกหมายจับ ซึ่ง
พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้ไปร้องต่อบช.ปส. ซึ่งทาง ปส. เงียบและหายไปนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานและผบก.ปส.3 ได้ชี้แจง รวมถึงผมได้อ่านตามคำให้การของผบก.ปส.3 ไม่ได้เงียบ แต่เป็นการหารือกันในคณะทำงานอยู่แล้วว่าจะออกหมายเรียกใครอยู่ในขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะหายเงียบ ขั้นตอนต่างๆ ผมเชื่อว่าคณะนี้จะให้คำตอบได้ดีที่สุด และเชื่อว่าเดี๋ยวสังคมก็จะได้กระจ่างเอง ขอเวลานิดนึงในการทำงาน ทุกอย่างเราต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่าเพิ่งไป เห็นอะไรปุ๊บเราก็ตัดสินเลย

“ยกตัวอย่างที่ผมเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนคือโฆษก ตร. ได้ชี้แจงไป แต่บางฉบับเองก็ยังลงไม่เหมือนกันเลย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าการขอหมายผู้บังคับบัญชาต้องรับรู้หมด มันใช้ดุลยพินิจได้ บางเรื่องขนาดให้ข่าวที่เดียวกันยังออกไปหลายรูปแบบ ก็คิดว่าน่าจะต้องขอให้ทางคณะของทีมอัยการและตำรวจเป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.