เสาร์. พ.ย. 16th, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

“วันนอร์” เปิดเวทีคู่ขนานกับจุรินทร์ที่โก-ลก แย่งชิงมวลชน ปชป.ชูไม่แก้ ม.112

1 min read

“วันนอร์” เปิดเวทีคู่ขนานกับจุรินทร์ที่โก-ลก แย่งชิงมวลชน ปชป.ชูไม่แก้ ม.112 ส่วนประชาชาติเย้ยยากที่จะทวงแชมป์ เพราะลูกพรรคคนเดิมย้ายไปพรรคอื่นหมดแล้ว

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 มี.ค. 66 ที่ห้องประชุมโรงเรียนเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พรรคประชาชาติภายใต้การนำของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หน.พรรคประชาชาติ ได้ควงนายอารีเพ็ญ อุตรสินทธ์ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ รอง หน.พรรคประชาติ อดีต ส.ส.หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาติ ได้เปิดเวทีปราศรัยกับกลุ่มสตรีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และ ตากใบ จำนวน 400 คน ซึ่งอยู่ในเขต 2 พร้อมได้แนะนำตัว นายเจ๊ะซู ตาเหย็บ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3 และนายมูหามะรอมือลี อาแซ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 ชูนโยบายเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแลนด์สไลด์ 15 คน ใน 3 จชต.และ อ.จะแนะ ของ จ.สงขลา รับรอง 1 ใน 3 เป็นรัฐมนตรี สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชน ยกตัวอย่าง ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเป็นคนภาคอีสาน เมื่อก่อนเคยได้รับสมญาว่าอีสานกันดาร แต่เดี๋ยวนี้อีสานเขียวขจี คนใต้ต้องไปทำงานถางป่าทำสวนที่ภาคอีสาน แต่ถ้าเลือกพรรคประชาชาติ ภาคใต้ก็จะมีการพัฒนา ไม่เช่นนั้นภาคใต้เราก็จะเหมือนเดิม มี ส.ส.ไม่มากเพียงพอก็ไม่สามารถที่จะผลัดดันปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้

ส่วนทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดปราศรัยครั้งใหญ่ที่สนามหญ้าเทียม L SOCCER PARK อ.สุไหงโก-ลก ภายใต้การนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค เปิดปราศรัยใหญ่ โดยชูนโยบายสร้างสันติภาพสู่สันติสุขชายแดนใต้ พร้อมได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส จังหวัดนราธิวาสทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเระ เขต 2 นายเมธี อรุณ เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ เขต 4 นายไซดี เจ๊ะหามะ และเขต 5 นายเจ๊ะอามิง โตะตาหยง โดยมีพลังมวลชนจำนวนกว่า 7,000 คน เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างสนุกสนาน จากคำพูดของนายจุรินทร์ หน.พรรคประชาธิปัตย์ ที่แหลมคนกรีดเข้าไปในหัวใจ เฉดเช่นนายชวน หลีกภัย อดีต หน.พรรคประชาธิปัตย์ครั้นในอดีต

ซึ่งบางช่วงบางตอนได้กล่าวว่า ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาลหรือจะไม่ แต่ทางพรรคมีจุดยืนที่สำคัญก็คือ 1. พรรคประชาธิปัตย์จะยืนหยัดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นี่คือทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าในอนาคตจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ประชาธิปัตย์ก็ไม่ขัดข้องเพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่ประชาธิปัตย์มีข้อแม้ 2 ข้อ คือ 1.ต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 และ 2. ต้องไม่ยกเลิกมาตรา 112

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ส่วนในวันนี้ที่มีพรรคประชาธิปัตย์มาเปิดเวทีคู่ขนานปราศรัยใหญ่เพื่อทวงคืนที่นั่งในอดีตที่ผ่านมา เคยเป็นแชมป์มาตลอด และการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคประชาชาติได้มากกว่า ซึ่งเรามองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเก่า สส.เก่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว ซึ่งปกติแล้วที่เหลือแชมป์ก็คือพรรคประชาชาติ เราจะต้องรักษาให้ได้ และที่สำคัญคือเขตเลือกตั้งที่เกิดใหม่พรรคประชาชาติก็มีความมั่นใจ เพราะเนื่องจากกระแสของพรรคประชาชาติโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ร้อยละ 62 ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองไหนที่กระแสขึ้นมากขนาดนี้ ขนาดที่พรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่รุ่งเรืองนั้น กระแสของพรรคก็ไม่ถึงร้อยละ 50 ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายเราจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าไม่ใช่เลือกพรรคประชาชาติตามความนิยม แต่การเลือกพรรคประชาชาติเป็นการเปลี่ยนอนาคตให้ดีขึ้น
ซึ่งการเปิดเวทีปราศรัยคู่ขนานในครั้งนี้ เป็นการแย่งชิงมวลชนของทั้ง 2 พรรค โดยถือว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคเจ้าถิ่น ที่หัวหน้าพรรคและสมาชิกในพรรคส่วนใหญ่เป็นคนใต้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ มีว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เท่านั้นเป็นคนในพื้นที่ ส่วนหัวหน้าพรรคและผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นคนภาคอื่น นอกจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคเป็นคนใต้ ที่ถือว่าได้รับความนิยมถกถอยน้อยกว่านายชวน หลีกภัย อดีต หน.พรรคประชาธิปัตย์ และคงอีกไม่นานค่านิยมชมชอบของมวลชนจะเลือก ว่าที่ผู้สมัครพรรคใดเข้าไปนั่งในสภาได้มากกว่ากัน เดือนพฤษภาคม 66 นี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.