อาทิตย์. พ.ย. 24th, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

พ่อแม่ร้อง”ทนายดัง”ลูกสาวถูกอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังขับเก๋งพุ่งชนเสียชีวิต ตร.สั่งไม่ฟ้องอ้างขับตัดหน้า

1 min read

 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 พ.ค. 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายปกธัต พงศ์ปภดากุล อายุ 54 ปี นางวรษา พงศ์ปภดากุล อายุ 52 ปี พ่อและแม่ น.ส.พรรธร หรือน้องแตงกวา พงศ์ปภดากุล อายุ 24 ปี ผู้ช่วยทันตกรรม ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกรถเก๋งพุ่งชนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามร้านพักกาย ม.9 ถ.พหลโยธินสายเก่า ต.วังหิน อ.เมือง จ.ตาก เดินทางเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีที่ลูกสาวถูกรถชนเสียชีวิตแล้วทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองตาก มีคำสั่งไม่ฟ้องคนขับรถเก๋งคู่กรณีซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจ.ตาก และเป็นคนใกล้ชิดกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตาก โดยอ้างว่าลูกสาวของตนเป็นฝ่ายผิด เพราะขี่รถจยย.ตัดหน้ารถคู่กรณี ซึ่งตนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและคู่กรณีก็เป็นคนสนิทอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเดินทางมาขอให้ทางทนายความช่วยเหลือในเรื่องคดีดังกล่าว

 นางวรษา (แม่ผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 เวลา 17.00 น. ขณะที่น้องแตงกวา ลูกสาวขี่รถจยย.ออกไปทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริมหลังเลิกงานจากการเป็นผู้ช่วยทัณตกรรม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้ถูกรถเก๋งฮอนด้า HRV สีดำ ทะเบียน 4 กข3832 กทม. ที่ขับตามหลังมาด้วยความเร็วพุ่งชนท้ายรถจยย.จนร่างลูกสาวกระเด็นฟาดกับกระจกหน้ารถเก๋งจนเป็นรูร่างไถลไปกับพื้นถนนไกลกว่า 100 เมตรจนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุคนขับรถซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลับดังไม่ได้ลงมาให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกับทำสำนวนคดีสั่งไม่ฟ้องคนขับรถ โดยอ้างกับตนว่าลูกสาวเป็นคนขับรถเปลี่ยนเลนกระทันหันจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องคนขับรถ ตนและครอบครัวต้องออกหาหลักฐานเองทุกอย่างทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งภาพก็เห็นชัดเจนว่าลูกสาวขับรถนำหน้ารถเก๋งก่อนจะถูกชนท้ายจนเสียชีวิต ตนไม่เคยได้รับความเป็นธรรมแม้กระทั่งการพูดจาดีๆจากตำรวจ เกือบ 6 เดือนที่ครอบครัวต้องไปหาหลักฐานกันเอง ดิ้นรนฟ้องเอง ตามเรื่องมาตลอดก็บอกว่าตำรวจจะสั่งฟ้องเอง พอไปถามอัยการตำรวจสั่งไม่ฟ้องคู่กรณี ตนไม่รู้จะทำยังไงต่อ ร้อยเวรไม่ให้ความร่วมมือ ขอเอกสารการตายของลูกก็ไม่ให้ บอกตำรวจจะจัดการเอง ตนไม่เชื่อว่าลูกตนประมาทฝ่ายเดียวเพราะกล้องวงจรปิดที่มีคือลูกตนอยู่เลนซ้ายตลอด แต่ตำรวจบอกว่าลูกตนกำลังจะเลี้ยวข้ามเลน ซึ่งจริงๆแล้วน้องแตงกวาโดนชนมาก่อน ตนจึงเชื่อว่าลูกไม่ได้ผิด หลังจากชนคู่กรณีไม่เคยลงมาดูหรือไปยืนกันเพื่อไม่ให้รถคันอื่นที่ผ่านไปมามาเหยียบซ้ำเลย แต่กลับยืนคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา มีแต่ชาวบ้านมาช่วย ภาพเหตุการณ์วันเกิดเหตุแทบไม่มีทั้งตำรวจและกู้ภัย ตนคิดว่ามันผิดปกติ ช่วงที่จัดงานศพคู่กรณีเอาพานเข้ามาขอขมาพร้อมเงินใส่ซอง จำนวน 20,000 บาท และจัดเบรคให้ 1 คืน นอกจากนี้ไม่ได้มีมาช่วยเหลืออะไรอีกเลย และตลอดเวลาที่เข้ามาต้องถ่ายรูปตลอด ตนมองเห็นถึงความไม่จริงใจในการสำนึกผิด ตนรู้สึกได้ว่าเป็นการทำเพื่อสร้างภาพ ตนเจ็บมาก คิดว่าคู่กรณีมีประกันชั้น 1 ถ้าประกันเคลียร์ก็จบ คนทำมาหากินธรรมดาไม่มีอำนาจ ไม่มีเส้นสาย ไม่อยากไปมีเรื่องกับใคร การออกมาร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ตนสู้เพื่อลูก ขอความยุติธรรมให้ลูก ถ้าปล่อยให้มันจบและไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกมันจะติดอยู่ในใจตนตลอดไป

 นายปกธัต (พ่อผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ตนกลับจากปั่นจักรยานเห็นเหตุการณ์ไม่ได้คิดอะไรเลยกลับบ้าน น้องชายโทรมาและมาตามตนที่บ้านบอกให้ไปโรงพยาบาลเพราะน้องแตงกวารถล้ม ตนถามว่าลูกตนตายใช่มั้ย น้องชายไม่ตอบอะไร พอไปถึงโรงพยาบาลตนเห็นปลายเท้าลูกโผล่มาจากผ้าคลุม ตนรู้ทันทีว่าคือน้องแตงกวา ตนเสียใจ ตนรักลูกมากและทั้งชีวิตทำเพื่อลูก ถ้าตนไม่มาร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกจะอยู่ได้ยังไง ตนต้องการคำตอบและหาความจริง เคยคิดจะถอยแต่ทุกคนบอกให้ตนสู้เพื่อน้องแตงกวา ขออย่ามารังแกครอบครัว ทำแบบนี้ฆ่าตนดีกว่า มันมีหลายอย่างที่ทิ่มอกตน ทั้งคำพูด การกระทำ ที่โดนรังแกมาตลอด

 ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ประเด็นที่ครอบครัวผู้ตายมาร้องวันนี้คือเจ้าของรถคันนี้เป็นคนสนิทของอดีตผู้ว่าฯที่ลงพรรคการเมือง และตำรวจสั่งผู้ตายประมาทฝ่ายเดียว ไม่ฟ้องคนชน มันเลยเป็นประเด็นว่าครอบครัวผู้ตายจะได้รับความเป็นธรรมอย่างไรบ้าง ดูจากข้อมูลอัยการจังหวัดสั่งไม่ฟ้องตามตำรวจ ทางครอบครัวต้องเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และไปถึงผบ.ตร.เพื่อสั่งรื้อคดี และต้องไปหาอัยการสูงสุดด้วยให้สั่งไปที่จังหวัดตาก ว่ามีการตรวจสอบสำนวนคดีนี้แค่ไหน ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้ตายได้มั้ย คดีนี้ผ่านมานานแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 65 ลักษณะของคดีนี้อยากให้ดูตอนชน ตำแหน่งการชน เพราะหากประมาทฝ่ายเดียวต้องเป็นการตัดหน้า และต้องชนด้านข้าง แต่ลักษณะคือการโดนชนท้าย โดยจุดที่ชนคือฝั่งซ้ายของรถยนต์ แสดงว่ารถยนต์มาไว จนทำให้กระจกแตกเป็นรู ตำแหน่งคือการเฉี่ยวชน อาจจะเป็นการประมาทโดยรถยนต์ฝ่ายเดียวหรือไม่ ทางพิสูจน์หลักฐานอาจจะต้องรื้อคดีอีกครั้ง เพราะทางครอบครัวผู้ตายไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องการเยียวยา คปภ.ต้องเข้ามาดู
  
    ทำไมบริษัทฯประกันถึงได้สู้คดีเต็มที่ขนาดนี้ การสอบปากคำของพนักงานสอบสวนก็สำคัญ ชาวบ้านก็ให้การแบบซื่อๆ และบังเอิญจุดที่เกิดอุบัติเหตุตำแหน่งมันตรงกับทางไปที่ทำงานของผู้ตาย แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเลี้ยว การสอบปากคำหากคำให้การของชาวบ้านทำให้ตำรวจไปคิดเอาเองเชื่อมเอาเองเพื่อให้ใครบางคนไม่ผิดหรือไม่ ทางตำรวจที่จ.ตากต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ ดูจากหลักฐานรูปถ่ายที่มีรถยนต์คู่กรณีน่าจะขับไวเกินกว่ากฎหมายกำหนด แค่ขับไวเท่ากับประมาทร่วมอยู่แล้ว ดูจากรูปก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ตายประมาทฝ่ายเดียว
Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.