สืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแดนมังกร ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติขนเงินมาลงทุน สูญเงินกว่า 5 ล้าน
1 min readสืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแดนมังกร ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติขนเงินมาลงทุน สูญเงินกว่า 5 ล้าน นอกจากนี้สืบสวน ตม.1 ยังระดมกวาดล้างจับ 2 ผู้รับเหมา 17 แรงงานเถื่อน “อยู่เกิน-ไร้ใบอนุญาตทำงาน”
ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา รอง ผบก.ตม.1, ได้สั่งการมอบหมายให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติที่น่าสนใจในรอบเดือน มิ.ย. 2566 ดังนี้
1.สืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแดนมังกร ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติขนเงินมาลงทุน สูญเงินกว่า 5 ล้าน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายชาวจีน รายหนึ่งชื่อนางเหมย (นามสมมติ) ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับนายไทเกอร์ (นามสมมติ) อายุประมาณ 40 ปี สัญชาติจีน เนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2566 ตนได้มาขอคำปรึกษาจากนายไทเกอร์ เกี่ยวกับช่องทางและโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอาคารชุดซึ่งคนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากไว้วางใจ เห็นว่านายไทเกอร์เองเป็นคนจีนเช่นกัน มีที่พักและทำธุรกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาก่อนตน ซึ่งนายไทเกอร์ได้ให้คำปรึกษาและชักชวนให้ตนนำสกุลเงินดิจิตอลสกุล USDT ซึ่งตนมีอยู่ แต่ไม่สามารถนำมาทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้มาแปลงเป็นเงินบาทไทย โดยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตนได้โอนเงินดิจิตอลสกุลดังกล่าวไปยัง address ของ e-wallet ของแพลตฟอร์มคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งนายไทเกอร์อ้างว่าเป็นของพรรคพวก จำนวนกว่า 80,000 USDT หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งต่อมานายไทเกอร์ ก็ได้นำเงินสด 3 ล้านบาทไทยมาคืนให้กับตนได้จริง นางเหมยผู้เสียหายจึงเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ได้ตัดสินใจโอนเงินไปอีก ประมาณ 140,000 USDT หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ นายไทเกอร์ได้ปิดกั้นทุกช่องทางการติดต่อ ไม่สามารถติดต่อได้ และหลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นางเหมย ผู้เสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับสถานที่พักอาศัยของผู้ต้องหาตามหมายจับรายนี้ เรื่อยมา
ต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สืบทราบที่พักอาศัย ที่นายไทเกอร์ใช้หลบซ่อนตัว” อยู่ในพื้นที่ปริมณฑล จึงนำกำลังไปซุ่มสังเกตพฤติกรรม เมื่อพบนายไทเกอร์ มีตำหนิรูปพรรณสัณฐานตรงตามหมายจับ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงหมายจับ แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ และแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบ ควบคุมตัวผู้ต้องหาทำบันทึกจับกุม และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1 จะได้เร่งรัดสืบสวนขยายผล ว่ามีผู้ใดร่วมในการกระทำความผิดอีกหรือไม่ต่อไป
ตม.1 ระดมกวาดล้าง จับผู้รับเหมา 2 ราย รับคนงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตและอยู่เกินกำหนด 17 ราย
กก.สืบสวน บก.ตม.1 ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ได้รับมอบหมายและสั่งการจากผู้บังคับบัญชา ในการสืบสวนปราบปราม และระดมกวาดล้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบจนกระทั่งไปถึงที่บริเวณภายในสถานก่อสร้างไม่มีเลขที่ ภายในซอยสวนผัก 34 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวทำงานก่อสร้างอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าวโดยมีนายเอกชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ และนายอนุชิต (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ชาวจังหวัดชัยภูมิ แสดงตนเป็นผู้รับเหมาดูแลการก่อสร้าง จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ และขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวของคนต่างด้าว รวมถึงใบอนุญาตทำงาน ผลการตรวจสอบพบมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเป็นชายจำนวน 7 คน หญิง 1 คน สัญชาติกัมพูชาเป็นชายจำนวน 4 คน หญิงจำนวน 5 คน รวมทั้งสิ้น 17 คน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำงานไม่ตรงกับนายจ้างในปัจจุบันที่ระบุไว้ในเอกสารของคนต่างด้าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวทำบันทึกจับกุม ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ใคร่ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแส โดยขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน