รวบชาวอุซเบกิสถาน ลวงสาวร่วมชาติ ค้ากามพัทยา ก่อนเชิดเงิน ทำร่างกาย กักขัง ไม่ให้กินข้าว
1 min read
ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และประมง สำานักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบกปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิไนท์ไลท์และองค์กรโดยูอาร์ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) หญิงสาวชาว เบกิสถาน อายุ 19 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายหลอกให้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อมา ค้าประเวณีที่พื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 โดยถูกบังคับให้ค้าประเวณี จํานวนหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับเงินค้าบริการและถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย จึงได้หลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือต่อสถานทูต อุซเบกิสถาน ทางสถานทูตฯ จึงได้ประสานให้ทางมูลนิธิฯเข้าช่วยเหลือและเยียวยาจิตใจของผู้เสียหาย จากนั้นทาง มูลนิธิจึงได้พามาแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.เค (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่ 1 ในคดีนี้ ได้ถูกน.ส.ดิโลรมคนฯ (Ms.Diloromkhon) ซึ่งเป็นคนรู้จักและเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย โดยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ได้ชวนให้ผู้เสียหายมาทํางานที่ประเทศไทย โดย อ้างว่ามีงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กของร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ พัทยา จ.ชลบุรี มีรายได้ดี มีที่พักให้ ซึ่งจะออกค่าเดินทางให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาประเทศไทย เนื่องจากต้องการหาเงินไปเป็นค่ารักษามารดาที่ป่วยและใช้ในการแต่งงาน โดยคิดว่าจะมาทำงานที่ประเทศไทยประมาณ 3 เดือน ซึ่งผู้เสียหายเข้าใจว่า ได้รับวีซ่าการทํางาน ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้เดินทางมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 พร้อมกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งถูกหลอกให้มาค้าประเวณีด้วยเช่นกัน โดยมีน.ส.ดิโลรมคนฯ มารับที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนพาไปพักอาศัยที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองพัทยา ต่อมา ได้พบกับนางแซมรัตฯ (Ms.Zumrat ) อายุประมาณ 42 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ซึ่ง เป็นบอสหัวหน้างานที่นี่ ได้บังคับให้ทำงานค้าประเวณี โดยให้ยืนหาลูกค้า บริเวณริมชายหาดพัทยา ใกล้กับวอลทิ้งสตรีท และขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่นางแซมรัตฯ และนายนารูสฯ(Mr.Navruzbek) เป็นผู้ติดต่อหามา โดยนางแซมรัตฯ จะเป็นนายหน้าติดต่อชักชวนนักท่องเที่ยวในบริเวณนั้นมาซื้อบริการกับเด็กของตน โดยเป็นผู้เก็บเงิน และต่อรองราคากับลูกค้า ส่วนนายนารูสฯ จะตระเวนหาลูกค้า ที่เป็นนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงและร้านอาหารในบริเวณดังกล่าว เมื่อได้ลูกค้าก็จะไปเปิดโรงแรมเพื่อให้บริการทางเพศแก่ลูกค้าในราคา 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งนางแซมรัตฯได้ข่มขู่และพูดจาโน้มน้าวให้ผู้เสียหายยอมทำงานขายบริการให้โดยอ้างว่าผู้เสียหายเป็นหนี้ค่าเดินทาง ค่าจัดทำวีซ่า คนละ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 175,000 บาท) โดย นางสาวดิโลรมคนฯ ได้ค่าหัวที่หาเด็กมาให้นางแซมรัตฯ คนละ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากผู้หญิงคนไหนไม่เชื่อฟัง หรือทำตาม ที่นางแซมรัตฯบอก จะถูกทำร้ายร่างกาย, กักขังและไม่ให้อาหาร ผู้เสียหายทั้งสองคนจึงยอมทำงานค้าบริการทางเพศให้กับนางแซมรัตฯ โดยถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศไม่ต่ำกว่า4คนต่อวัน โดยผู้เสียหายจะต้องยืนรอรับแขกที่บริเวณริมชายหาดตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า ถ้าหาลูกค้าไม่ได้ตามยอดดังกล่าว ก็จะไม่นำอาหารมาให้ รับประทาน โดยทุกวันจะได้รับอาหารเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น ระหว่างที่ทำงานกับนางแซมรัตฯ น.ส.เค ผู้เสียหายที่ 1 เคยมีปากเสียงกับนางแซมรัตฯ เคยมีปากเสียงจากการปฏิเสธไม่รับงาน จึงถูกนางแซมรัตฯแม่เล้าคนดังกล่าวทำร้ายร่างกาย โดยการตบหน้าและ ผลักให้ล้ม จนได้รับบาดเจ็บนอกจากนี้ตนยังเคยเห็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ยอมทํางาน ขายบริการ จะถูกนางแซมรัตฯ ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ตนจึงเกิดความกลัวนางแซมรัตฯ ประกอบกับ ผู้เสียหายไม่มีเงินติดตัวเลย และไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จึงไม่กล้าจะหลบหนีออกมา ซึ่งนางแซมรัตฯจะมีลูกน้องเป็นหญิงชาวอุซเบกิสถาน จำนวน 2-4 คน ทำหน้าที่คอยควบคุมไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนีด้วย
ผู้เสียหายที่ 1 ได้ ทํางานอยู่กับนางแซมรัตฯ ถึงประมาณวันที่ 10 มิถุนายน 2566 จนคาดว่าน่าจะเงินตามจํานวนที่เป็นหนี้แล้ว จึงขอ เบิกเงินและขอทางกลับบ้าน เนื่องจากเเม่กำลังป่วย แต่นางแซมรัตฯปฏิเสธไม่ยอมให้เดินทางกลับแจ้งว่าเพิ่งหักหนี้ได้แค่ 2,000 ดอลลาร์ ยังคงเป็นหนี้นางแซมรัตฯอยู่อีก 3,000 ดอลลาร์ ประกอบกับ นางแซมรัตฯ ได้แจ้งกับพนักงานทุกคนว่าให้เตรียมเอกสารเพื่อเดินทางไปขายบริการทางเพศที่ประเทศบาห์เรน เนื่องจากจะมีรายได้ สูงกว่าและในวันที่ 16 มิถุนายน 2546 นางสาวแซมรัตฯได้เริ่มพาหญิงสาวคนอื่นไปที่ประเทศบาห์เรน น.ส.เค ผู้เสียหาย 1 จึงได้สินใจหลบหนีออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนางเอ็นผู้เสียหายที่ 3 ให้เงินค่าแท็กซี่เพื่อหลบหนีออกมา
เมื่อได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคบ. ได้ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง พบข้อมูลสอดคล้อง ตามคำให้การของผู้เสียหาย จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย และติดตามช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหายที่ถูกหลอกมาขายบริการ โดยได้พบผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก 2 คน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 คือ
1.นางเอ็นฯ อายุ42ปีชาวอุซเบกิสถาน
2.นางสาว เอฯ อายุ31ปี ชาวอุสเบกิสถาน
ทั้ง2รายได้ถูกล่อลวงด้วยกลอุบายหลอกให้มาทำงานเป็นแม่บ้านและเป็นเชฟของโรงแรมย่านพัทยา
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นางแซมรัตฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 โดยได้เดินทางประเทศบาห์เรน ส่วนนางชาวดิโลรมคนๆ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยเมื่อวันที่16 มิถุนายน2566 โดยเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ส่วนนายนารูสฯยังไม่พบข้อมูลของการออกนอกประเทศ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง3คนในข้อหา
“ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และผู้สมคบการกระทำความผิดคนหนึ่งคนใดลงมือกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามที่ได้สมคบ,กันร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์,ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์,ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อพาไป หรือพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบด้วยความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือข่มขืนใจด้วยประการใดใดและร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปเพื่ออนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดและร่วมบังคับขู่เข็ญหลอกลวงหรือใช้อำนาจครอบงำผู้อื่นหรือรับผู้อื่นเพื่อการค้าประเวณี”อันเป็นความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 10, 52, พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2560
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.2 ได้ สืบสวนพบว่านายนารุสฯ ผู้ต้องหาที่ 3 กำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ จึงสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่สนามบิน สุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ 3 ให้การปฎิเสธทุกกล่าวหา โดยให้การว่าผู้ต้องหาเพียงรู้จักกับนางแซมรัตฯและผู้ต้องหาคนที่1 เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่หมู่บ้านเดียวกันและเป็นเพื่อนกับชายของผู้ต้องหาที่ คน1 และผู้ต้องหาที่ 1 ชวนตนเองมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่ห้องเช่าในโรงแรม โดยทราบ พฤติการณ์ว่าผู้ต้องหาที่1เป็นนายหน้าเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีจริง แต่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือได้รับประโยชน์ใดๆ จากหญิงขายบริการ
โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) จะได้สืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการดังกล่าวต่อไป และ ประสานงานระหว่างประเทศเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วมาดำเนินคดีต่อไป