โกงคนยันพระ! รวบ เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ บวช 11 พรรษากลางตลาดโต้งรุ่ง หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทุกชนิด
1 min readนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนพบความเดือนร้อนของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่ถูกคนร้ายใช้ เพจเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “หจก.เพชรเจริญสังฆภัณฑ์ ปลีกส่ง” , “เพชรเจริญสังฆภัณฑ์” และ “หจก.เพชรเจริญสังฆภัณฑ์” โพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทุกชนิด ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักสามหมื่น เมื่อได้เงินโอนจ่ายจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์วัดต่างๆ ทั่วประเทศ และพุทธศาสนิกชน ก็จะนิ่งเงียบและบล็อกการติดต่อ สร้างความเดือนร้อนให้กับพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้าชุด PCT 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม
นายวรากร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 264/2566 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณตลาดโต้รุ่ง ใกล้แยกพังโคน ถนนนิตโย ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความพยายามเฝ้าสืบสวนแกะรอยเฝ้าจุดติดตามจนพบผู้ต้องหาขณะขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากสถานที่หลบซ่อน ก่อนจะสะกดรอยติดตามและจับกุมได้กลางตลาดโต้รุ่งอำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร
จากการตรวจสอบข้อมูลในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ณ ปัจจุบัน นายวรากร หรือเพชร มีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 5 หมายจับ ประกอบด้วย
1) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 173/2564 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงประชาชน ” ท้องที่ สภ.วังน้ำคู้ ภ.จว.พิษณุโลก
2) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 62/2566 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ โดยทุจริตหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ท้องที่ สภ.นาบอน ภ.จว.นครศรีธรรมราช
3) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 103/2566 ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ท้องที่ สน.ภาษีเจริญ
4) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 48/2566 ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลเท็จนั้นได้ และฉ้อโกงประชาชน ” ท้องที่ สภ.ละแม ภ.จว.ชุมพร
5) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 264/2566 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ท้องที่ สภ.ทุ่งเขาหลวง ภ.จว.ร้อยเอ็ด
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าช่วงเด็กและวัยรุ่น ตนบวชเรียนถึง 11 พรรษา และศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เมื่อศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรี ได้สึกและออกมาประกอบอาชีพสำนักพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือพระแห่งหนึ่งประมาณ 1 ปี จากนั้นย้ายมาทำงานที่สื่อมวลชนช่องหนึ่ง ทำหน้าที่ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์เขียนสคลิปข่าว ก่อนจะเลื่อนเป็นโปรดิวเซอร์ข่าวเกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ประมาณ 3 ปี จนช่วงปี 2561 ได้ลาออกมาเปิดร้านสังฆภัณฑ์ ชื่อร้าน ห้างหุ่นส่วนจำกัดเพชรเจริญสังฆภัณฑ์ มีสถานที่ตั้งร้านอยู่พื้นที่หนองแขม กรุงเทพมหานคร ขายทั้งหน้าร้านและผ่านโซเชียล สั่งจริง ส่งจริง จนเมื่อช่วงปี 2563 เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซ้ำยังมาประสบปัญหาช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้เริ่มโกงไม่ส่งสินค้าแก่ลูกค้าทั้งพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนที่สั่ง เมื่อรู้ว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากดำเนินคดี ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยหลบมาเช่าบ้านพัก และทำธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์มือสองร่วมกับเพื่อน และยังคงโพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ชื่อเพจเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “ เพชรเจริญสังฆภัณฑ์ ” ในการก่อเหตุ
ที่ผ่านมาเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 มูลค่าความเสียหายต่อราย หลักร้อยจนถึงหลัก 30,000 บาท มีลูกค้าหลงเชื่อสัปดาห์ละ 3 – 4 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10,000,000 ล้านบาท
เงินที่ได้มานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่าห้องพักเพื่อหลบซ่อนตัว เล่นพนันออนไลน์ และลักลอบตระเวนเล่นไฮโลในพื้นที่ใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเขาหลวง ภ.จว.ร้อยเอ็ด
และได้ประสานแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.และ สภ.อื่นๆ ซึ่งมีผู้เสียหายเดินทางเข้าร้องทุกข์และพนักงานสอบสวนรวมรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่ออายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้าชุด PCT 5 กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชน ตลอดจนท่านพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาว่า ในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ทุกท่านได้โปรดใช้สติ แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.