DSI เรียก “ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ” เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลัง เคยร้องสอบ “เรืองไกร” เอี่ยวฟอกเงิน เหตุ ครอบครองเบนซ์หรู S 560
1 min readกรุงเทพมหานคร-DSI เรียก “ทนายอั๋น” เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลัง เคยร้องสอบ ‘เรืองไกร’ เอี่ยวฟอกเงิน เหตุ ครอบครองเบนซ์หรู S 560 อ้าง ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ เชื่อ เรื่องเข้าสู่กระบวนการสืบสวน คาด เรืองไกร-ภรรยา ต้องตบเท้าให้การชี้แจง ลั่น ไม่หวั่นหากถูกสวนแจ้งความเท็จในภายหลัง
จากกรณีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าข่ายเป็นการกระทำฐานฟอกเงินหรือไม่ หลังพบว่านายเรืองไกรมีการครอบครองรถเบนซ์หรู S 560 อ้างว่าเป็นของผู้ใหญ่ใจดี ซึ่งภายหลังเฉลยว่าเป็นของภรรยา และขอให้ตรวจสอบเรื่องแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาทนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีที่ตนเคยมาร้องให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ มีพฤติการณ์ครอบครองรถหรู Mercedes Benz คันละประมาณ 3-5 ล้านบาท เป็นต้น ตนมองว่านายเรืองไกรอาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดฐานแจ้งความหรือให้การต่อทาง กกต. โดยเป็นเท็จ ผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งการกระทำความผิดฐานกฎหมายเลือกตั้งนั้นเป็นมูลฐานความผิดฟอกเงินได้ ตนจึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบ ทำให้การที่นายเรืองไกรครอบครองรถยนต์เบนซ์หรูน้้น ที่ตนและประชาชนมองว่าผิดปกติ ได้เข้าสู่กระบวนการของดีเอสไอในการสืบสวน และวันนี้ตนจะชี้ช่องทางให้ดีเอสไอ 2 ส่วน คือ ประการแรก การกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งมีเจ้าภาพใหญ่เป็น กกต. โดยตนจะให้ดีเอสไอดึงเรื่องจาก กกต. มาพิจารณาด้วย แต่ก็เข้าใจว่าเรื่องนี้อาจจะต้องรอประเด็นการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยด้วยหรือไม่ แต่วันที่ตนมายื่นคำร้อง ตนได้ยืนยันว่าดีเอสไอไม่จำเป็นต้องรอในส่วนนี้ เพราะพฤติกรรมของนายเรืองไกรน่าจะเข้าข่ายความผิดแล้ว ส่วนประการที่สอง ตนจะชี้ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบหรือประสานกับทาง ป.ป.ช. โดยเฉพาะกรณีที่นายวีระ สมความคิด เคยยื่นเรื่องรายการทรัพย์สินและที่มาของทรัพย์สินของนายเรืองไกรเมื่อสองปีที่แล้ว ต่อ ป.ป.ช. ให้นำส่วนนี้มาประกอบการพิจารณาสืบสวนด้วย
นายภัทรพงศ์ เผยอีกว่า เชื่อว่าหลังจากที่ตนได้ให้ถ้อยคำวันนี้ และกระบวนการสืบสวนดำเนินการต่อเนื่อง จะทำให้นายเรืองไกรและภรรยา ในฐานะผู้ถูกร้อง หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะต้องเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ ส่วนการดำเนินการของดีเอสไอ หากมีการตั้งเป็นความผิด มีเลขคดีพิเศษ คาดว่าความผิดฐานฟอกเงินใดๆ ดีเอสไออาจจะส่งเรื่องให้ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตนขอให้มีความผิดในเรื่องของกฎหมายการเลือกตั้งก่อน ส่วนที่มาทรัพย์สินจะเป็นเรื่องรองตามมา ทั้งนี้ ตนขอฝากบอกนายเรืองไกรให้รีบๆขี่รถยนต์หรูด้วย เดี๋ยวจะไม่ได้ขี่
“อย่างไรก็ตาม ตนยังมองในแง่ร้ายที่สุดด้วยการที่ดีเอสไอเรียกตนมายืนยันข้อเท็จจริง มีการนำชื่อตนเข้าสู่กระบวนการว่าตนเเจ้งความเท็จ ซึ่งวันนี้ถือว่าตนเข้าสู่กระบวนการเป็นคุณเป็นโทษแล้ว หากท้ายที่สุดตนมีความผิด อาจมีการเอาคนที่เกี่ยวข้องกับนายเรืองไกร หรือนักร้องเรียนฝ่ายตรงข้ามมาจัดการร้องทุกข์กับตนทีหลัง ตนไม่ได้กลัว แต่มันอาจไปสู่การอ้างว่าตนมาแจ้งความเท็จได้ แต่ถึงอย่างไร หากนายพิธาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือรัฐบาลชุดหน้าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ตนเคยร้องเรียนไว้ตรวจสอบใครก็ตาม ตนไม่ถอยแน่นอน ไม่ว่าจะนายเรืองไกร นายศรีสุวรรณ หรือทนายตั้ม” นายภัทรพงศ์ หรือ ทนายอั๋น ระบุ
นายภัทรพงศ์ เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนยังได้เคยยื่นเรื่องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบกรณีของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ขณะนี้ทราบว่าดีเอสไอได้ออกเลขลับเพื่อดำเนินการสืบสวนไว้แล้ว ส่วนรายละเอียดตนจะมาแจ้งให้สื่อและสังคมทราบอีกครั้ง