รวบ “ต๋อมถังแก๊สไร้เงา”ลักหมดไม่สนแก๊สใคร พ่อค้า แม่ค้าเดือดร้อนทั่ว
1 min read
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปรามแก๊งโจรกรรมลักทรัพย์ประชาชนบริเวณที่พักอาศัยและแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างหนัก สร้างความเดือดร้อนและกระทบการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล IDMB และ นักเรียนสืบสวน110 ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ว่ามีคนร้ายก่อเหตุตระเวนลักถังแก๊ส และถ้าแก๊สหายแถวนนท์ ไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ชาวบ้านเรียกว่า “ต๋อมถังแก๊ส” โดยก่อเหตุ มาไวไปไว จอด ยก บิด หลบทุกแยกแทรกทุกซอย หนำซ้ำมีที่อยู่ไม่เป็นที่ หาตัวจับยาก แม้มีกล้องวงจรปิดจับตาแทบทุกหย่อมหญ้า แต่ก็หายไปได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย สร้างความวุ่นวายกับประชาชนไปทั่วโดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้า
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายขจรเดช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.472/2566 ลง 21 ก.ค.2566
ซึ่งกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรืรพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม"
พฤติการณ์การจับกุม สืบเนื่องมากจากได้มี คนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง สวมเสื้อยืดกีฬาสีเขียว สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าซูเมอร์เอ็กซ์ไม่ทราบทะเบียนมาจอดหน้าร้านแล้วเข้ามาลักเอาแก๊ส ปตท. ขนาดบรรจุ 15 กก. จำนวน 2 ถัง เอาไปวางที่หน้ารถและด้านท้ายรถแล้วขับหลบหนีไปทางสามแยกท่าน้ำบางศรีเมือง เดือดร้อนจนไม่สามารถประกอบอาหารค้าขายได้ สร้างความเดือดร้อนมาก จึงมาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ได้มาขอความช่วยเหลือผ่านเพจสืบนครบาล ให้ทำการสืบสวนจับกุมโดยได้วางแผนจากการทำข้อมูลที่ได้จากการไล่กล้องวงจรปิด เส้นทางเกิดเหตุ-หลังเกิดเหตุ และการสอบถามจากพยานแวดล้อม ประสานแผนประทุษกรรม กับ สภ.พื้นที่ใกล้เคียง จนสืบทราบตำหนิรูปพรรณและยานพาหนะในการก่อเหตุว่าตรงกัน รวมทั้งตรวจสอบร้านขายแก๊สในพื้นที่ พบว่ามีลูกค้าที่นำถังแก๊สมาขายที่ร้านแก๊ส ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับผู้ก่อเหตุ และร้านได้ถ่ายบัตรประชาชนไว้ เมื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลซึ่งมีหมายจับข้อหาลักทรัพย์ ของ สภ.บางศรีเมือง เนื่องจากเส้นทางหลบหนีไม่มีกล้องวงจรปิด ในระยะที่ต่อเนื่องกัน จนพบว่าคนร้ายได้เดินทางเข้าไปใน ซอยวัดโมลี ซึ่งคาดว่าคนร้ายได้พักอาศัยอยู่ในซอยดังกล่าว
ต่อมาจึงได้จัดชุดเฝ้าจุดซุ่มดู ผู้ต้องหา ตั้งแต่ระยะเวลา 04.30 น. โดยระหว่างที่เฝ้านั้น ได้แบ่งกำลังอีกชุดหนึ่ง เข้าค้นหารถจักรยานรถที่ใช้ก่อเหตุภายในซอย และพบจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่ตำหนิรูปพรรณตรงกันกับคนร้าย จอดอยู่หน้าห้องพักถายในซอย จนกระทั่งเวลา 08.30 น. พบผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากห้องเช่าภายในซอย จึงได้ติดต่อสอบถามเจ้าของห้องและให้ดูภาพถ่ายคนร้าย พบว่าเป็นคนเดียวกันพึ่งมาขอเช่าห้องได้ 7 วัน จึงได้วางสายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องพัก ให้ส่งข่าวหากผู้ต้องหากลับเข้ามา จนกระทั่งสายข่าวแจ้งมาว่าผู้ต้องหากลับเข้ามาแล้ว จึงเข้าทำการจับกุมตัว ซึ่งพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่องและหลายท้องที่ อีกทั้งรถจักรยานยนต์ก็เป็นรถที่ถูกลักมาจากพื้นที่ปากคลองรังสิต และได้บันทึกตรวจยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุจัดทำรายงานรายงานสืบสวนต่อพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สถานที่จับกุม บริเวณห้องพักซ.บางรักใหญ่ 22 ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ผู้ต้องหาให้การ “รับสารภาพตลอดข้อกล้าวหา” และให้การรับว่าเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 19.10 น. ตนเองและ ภรรยาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ติดแผ่น
ป้ายทะเบียนก่อเหตุลักทรัพย์ถังแก๊สที่บริเวณหน้าวัดศาลารี หมู่ที่ 4 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี จ.นนทบุรี จำนวน 2 ถัง จากนั้นได้ร่วมกันนำถังแก๊สที่ได้ลักทรัพย์มา ไปขายต่อที่ร้านขายแก๊สไม่ทราบ
ชื่อ หมู่ที่ 2 ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้เงินมาจำนวน 1,800 บาท และยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ของกลางใช้ในการก่อเหตุและหลบหนี