“ชูวิทย์” ลั่น “เศรษฐา”ไม่ได้เป็นนายก จับตา “บิ๊กป้อม” ผงาดนั่งนายกฯ
1 min readเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 19 ส.ค.ที่ โรงแรมทู แปซิฟิก เพลซ ถนนสุขุมวิท นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเดินทางมาร่วม การเสวนาเรื่อง “แทนคุณแผ่นดิน” ถึงกรณีการกลับของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค.นี้
โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่ามีดีลแรก หากนายทักษิณ จะกลับมานั้น แสดงว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จะไม่ได้เป็นนายกฯ และกรณีที่มีการเตรียมความพร้อมสถานที่โรงเรียนพลตำรวขบางเขนประกาศเป็นพื้นที่เรือนจำ เพื่อนำตัวนายทักษิณ ไปกักขังที่บริเวณดังกล่าวนั้น เป็นความสัมพันธ์กันกับการโหวตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากร้อยวันพันปีไม่กลับ แต่เลือกกลับวันที่ 22 สิงหาคมนี้ อย่างที่ตนเคยบอกไว้ว่า ถ้านายทักษิณกลับมาจะมาเป็นคนคุมเกม เนื่องจากก่อนหน้านี้นายทักษิณ เป็นคนคุมเกมอยู่ที่เมืองนอก แต่หากกลับมานั้น หมายถึงจะเป็นตัวประกันในเรือนจำ คือนายเศรษฐาฯ จะไม่ได้เป็นนายกฯ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกัน
ส่วนจะมีการส่งไม้ต่อ หากนายเศรษฐา ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ในภาวะสถานการณ์แบบนี้ ตามรูปแบบทางการเมือง ก็ต้องเป็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง บุตรสาวของนายทักษิณ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นอันดับ 2 แต่ตนเชื่อว่าอุ๊งอิ๊งไม่รับ เนื่องจากสถานการณ์วันนี้ของพรรคเพื่อไทย แตกต่างจากพรรคเพื่อไทยในอดีตเมื่อปี 2554 ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเลือกเป็นนายก
ตนเชื่อว่าครอบครัวและที่ปรึกษาคงไม่แนะนำให้อุ๊งอิ๊งมารับในสถานการณ์ขณะนี้ รวมถึงแคนดิเดตพรรคคนอื่นๆก็คงไม่รับเช่นกัน ส่วนนายอนุทิน ชาญวีระกุล ซึ่งเป็นพรรคอันดับ3 และเป็นผู้รู้เรื่องการเมือง คือแสงอำมหิตย์ทางการเมืองค่อนข้างที่รุนแรง และคงต้องตกไปถึง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งนี้เป็นสิ่งตนนั้นคาดการณ์เอาไว้
นอกจากนี้การที่ตนออกมาแฉ นายเศรษฐา นั้นตนไม่มีความสัมพันธ์และไม่เกี่ยวข้องใดๆ และวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคมนี้ ที่ตนจะออกมาแถลงเรื่อง แฉเพื่อชาติครั้งสุดท้ายนั้น เป็นเรื่องที่มีการโอนเงินจากการขายที่ดินไปต่างประเทศ แต่มีการบันทึกที่บัญชี ส่วนใหญ่จะตายเพราะบัญชีด้วยกันทั้งนั้น เช่นกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ก็โดนเรื่องภาษีหัก ณ.ที่จ่ายก็ตกจากเก้าอี้ได้แม้จะเพียงเรื่องเล็กๆ
หากนายเศรษฐา ได้เป็นนายกนั้นตนก็เชื่อว่าจะเป็นได้ไม่นาน แต่นายเศรษฐาต้องยอมรับว่าตนเคยเป็นนายทุน ซึ่งในประเทศไทยไม่มีใครที่ตรงไปตรงมาสุจริต
ตนขอถามว่านายเศรษฐาเคยอยู่พรรคไหน เคยเป็น ส.ส.หรือรัฐมนตรี หรือเป็นใครมา อยู่ๆมาถึงใจกลางเลย และไม่ใช่ญาติพี่น้องของนายทักษิณ ทำให้ไม่มีใครเกรงใจนายเศรษฐา มันคือการเมือง หลังจากที่นายเศรษฐา มาเป็นแคนดิเดตนายกแล้ว ตนเป็นประชาชนธรรมดา มีสิทธิ์ที่จะวิพากวิจารณ์อย่างเต็มที่ โดยมีทั้งเอกสารหลักฐาน ไม่ใช่ปากเปล่า
ส่วนในวันจันทร์ 21 ส.ค.ที่ตนจะออกมาแฉนั้น จะเป็นประเด็นว่าคุณสมบัติ นายเศรษฐา ไม่ผ่านการโหวต เพราะถูกหลอกตั้งแต่ต้นแต่ไม่รู้ตัว รวมถึง นายทักษิณ เช่นกันที่จะกลับมาเมืองไทย เพราะคิดว่าจะผ่านการโหวตได้ ส่วนโพยรัฐมนตรีที่มีการแชร์กันทางโซเชียลนั้น เป็นของเก๊ ไม่ใช่ของจริง ซึ่ง ณ.วันนี้ มันคุยเรื่องรัฐมนตรีกันไม่รู้เรื่อง และนายก ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่
” ทั้งนี้ตนขอสาปแช่ง ใครที่รับเงินรับทองเพื่อที่จะได้เป็นนายกฯ ที่จะเอาเงิน 10-20 ล้านมอบให้ สว. จึงขอสาปแช่งให้ใครที่รับเงินไป ขอให้มันบรรลัยไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เพราะนำเรื่องผู้นำและเอาเงินไปโหวต โดยวันจันทร์นี้จะเป็นการแฉ EP สุดท้ายของตน ตนไปถึงต่างประเทศเพื่อไปหาความจริงดังกล่าว ว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร เพราะทุกครั้งที่ตนออกมาพูดก็มีหลักฐาน แต่กลับถูกบิดเบือน หากถ้าตนออกมาเปิดเผยอีกว่ามี นอมินี อยากทราบว่าจะบอกว่า นอมินีนั้นเป็นของกลุ่มคนขายที่ดิน อีกหรือไม่ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่สังคมควรระวังให้ดีกับพวกโจรใส่สูท มันฉลาด ไม่ใช่โจรโง่ ” นายชูวิทย์ กล่าว