รวบ”เจ๊นุ๊ค”กับพวก ค้ากามเด็กผ่านทวิตเตอร์ โยงเครือข่ายรวบกลุ่มผู้ซื้อบริการทันควัน
1 min readศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ภายใต้การอํานวยการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ กองบัญชาการ ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) นําโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.2 บก.ปคม.ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย
พฤติการณ์ ด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ Buble มีการ โพสต์โฆษณาเชิญชวนค้าประเวณีในพื้นที่จังหวัดระยอง จึงได้ให้สายลับอําพรางตัวติดต่อขอซื้อบริการทางเพศกับผู้ใช้ บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว ผ่านทางแอพพลิเคชันไลน์ โดยผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวได้ส่งภาพ หญิงสาวมาให้เลือก
จากการดูภาพของหญิงสาวที่ส่งมาให้นั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า18ปีจึงได้ติดต่อล่อซื้อบริการ ทางเพศ โดยมีการโอนเงินให้กับผู้ต้องหา ก่อนจะสามารถเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ที่ถูก ผู้ต้องหาล่อลวงมาค้าประเวณีได้ จํานวน 1 คน เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 พร้อมเชิญตัวมาสอบสวนตามกระบวนการ ขั้นตอนของกฎหมาย
จากการรวบรวมพยานหลักฐานสามารถดําเนินคดีกับ น.ส.ภาพิมลฯ ผู้ต้องหาที่ 1และ น.ส.ปาริฉัตร ฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ที่มีพฤติการณ์ เป็นนายหน้าค้าประเวณีเด็ก อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งวันที่16ส.ค.66เจ้าหน้าที่ตํารวจกก.2บก.ปคม.ได้เข้าจับกุม น.ส.ปาริชาติผู้ต้องหาที่2ขณะอยู่ในบ้านพักในต. น้ำคอก อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ขณะที่น.ส.ภาพิมล ผู้ต้องหาที่ 1 หลบหนีไปกบดานที่บ้านเพื่อนที่ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะมีถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2566 จึงนําตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.ดําเนินคดีตามกฎหมาย
ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นนายหน้าติดต่อลูกค้า เพื่อค้าประเวณีเด็กจริง โดยค่า นายหน้าในการหาลูกค้าให้กับ เด็กผู้เสียหาย ครั้งละ 500 บาท ทํามานานแล้วกว่า 2 เดือน ซึ่งตนเคยโฆษณา ค้าประเวณีตนเองทางสื่อโซเชียลมาก่อน กระทั่งมาชักจูงน้องผู้เสียหายในคดีนี้มาทําการค้าประเวณีด้วย
จากการสืบสวนขยายผลพบว่า มีเด็กในสังกัดของผู้ต้องหาทั้งสอง ที่เป็นเยาวชน มีอายุต่ํากว่า 18 ปี อีกจํานวน 2 คน คือ ด.ญ.บี อายุ 14 ปี และ น.ส.ซี อายุ 16 ปี เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงติดตามตัวมาสอบถามเพิ่มเติม เยาวชน ทั้ง 2 คน ยืนยันว่าเคยถูกผู้ต้องหาทั้งสองล่อลวงให้มาค้าประเวณีจริง ผ่านนายหน้า ชื่อ น.ส.โดกี้ หรือ น.ส.ฐานิตาฯ
เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งขอศาลออกหมายจับน.ส.โดกี้ หรือ น.ส.ฐานิตาฯ ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ ในพื้นที่จังหวัดระยองเมื่อวันที่23ส.ค.66ซึ่งในชั้นจับกมุเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกระทําความผิดจริง ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดําเนินคดีกับ กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อบริการทางเพศ กับ เด็กผู้เสียหายในคดีนี้ และได้ขอศาลออกหมายจับ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบริการเด็ก ไว้ทั้งสิ้นจํานวน 13 ราย ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตํารวจเปิดปฏิบัติการแกะรอย ติดตาม จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาและ ดําเนินคดีไปได้แล้วทั้งสิ้น จํานวน 5 ราย คือ ผู้ต้องหาที่ 4-8 ข้างต้น
ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตํารวจมีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตก เป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความ เสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดําเนินชีวิตในอนาคต จึง ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่ อาจตกเป็นผู้เสียหาย ให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงิน ฟุ้งเฟ้อเกินตัว และหมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่
พร้อมทั้ง ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์, นายหน้า หรือโมเดลลิ่ง ค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะ เห็นแก่รายได้ส่วนต่างจากการค้าประเวณีซึ่งการกระทําดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ที่มีอัตราโทษสูง จําคุกกว่า 15 ปี ปรับสูงสุดถึง 1,500,000 บาท และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานจัดให้มีการค้าประเวณี ระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ให้บริการ ที่มีอัตราโทษสูงสุดจําคุก 20 ปีปรับ 400,000 บาท หรือจําคุกตลอดชีวิต พร้อม กันนี้ความผิดฐานค้ามนุษย์ยังเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่ง อาจถูกยึดทรัพย์ได้เช่นกัน
และฝากเตือนผู้ที่มีความชอบใช้บริการทางเพศเด็ก มีความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกิน สิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากําไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย มี อัตราโทษจําคุกสูงสุด 10 ปีปรับ 200,000 บาท
หากประชาชนมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กองบังคับการปราบปรามการค้า มนุษย์โทร สายด่วน 1191 หรือเพจเฟสบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์“เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยี ทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา”