ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกรวบกรรมการบริษัทส่งออกคอมพิวเตอร์ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีและขอภาษีเงินคืนเป็นเท็จ รัฐเสียหายกว่า 196 ล้านบาท
1 min readกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.คงกฤช เสิศสิทธิกุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.๒ บก.ปอศ., พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.๒ บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.อัครพล เอี่ยมสำอาง รอง ผกก.(สอบสวน) กก.๒ บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรรลพ รัตนวงษ์ สว.กก.๓ บก.ปอศ. พร้อมด้วย ด.ต.ประเสริฐ เชื้อดี , ด.ต.อิทธิพล จันทร์มณี และ ด.ต.เฉลิมพล ไข่ทอง ผบ.หมู่ กก.๒ บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นางสาว สายฝน อายุ ๕๑ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ ๓๐๔๙/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๖ ในความผิดฐาน “หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร หรือขอคืนภาษีอากรตามมาตรา ๓๗ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ ๓ เดือน ถึง ๗ ปี ปรับตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท
สถานที่จับกุม วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๑๘.๒๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒
บก.ปอศ. ได้จับกุมผู้ต้องหาที่บริเวณหน้าบ้าน เลขที่ ๙๕/๒ หมู่บ้านไพรเวท ถนนปัญญารามอินทรา
แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ เนื่องจากว่ากรมสรรพากรได้มาร้องทุกข์ ที่ กก.๒ บก.ปอศ. ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญาความผิดกับกลุ่มผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการส่งออกคอมพิวเตอร์ ที่มีพฤติการณ์ในการขอคืนภาษีเป็นเท็จ ขยายผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบ นางสาว สายฝนฯ ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทฯ ทั้งสามแห่ง ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินการประกอบธุรกิจประเภทจัดจำหน่ายและส่งออกอุปกรณ์ไอที และมีนางสาว สายฝนฯ ผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัท จากการตรวจสอบประวัติการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้ต้องหา พบว่ามีการยื่นรายได้อยู่ที่ประมาณ ๕ แสนบาท และมีการขอคืนภาษีบางส่วนที่ใช้สิทธิลดหย่อน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาพบว่าช่วงระหว่างปี พ.ศ.๒๕๕๕ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีจากบริษัทฯ ทั้งสามแห่ง รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ ๑๙๖ ล้านบาท
จากกรณีดังกล่าวกรมสรรพากรเรียกผู้ต้องหาไปชี้แจงเกี่ยวกับเงินที่เข้าบัญชี แต่ผู้ต้องหาไม่สามารถชี้แจงได้ กรมสรรพากรพิจารณาแล้วเป็นความผิดซึ่งผู้ต้องหาจะต้องเสียภาษีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑๙๖ ล้านบาท จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ กก.๒ บก.ปอศ. โดยกล่าวหาว่า หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือขอคืนภาษีอากร ตามมาตรา ๓๗ แห่งประมวลรัษฎากร
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการขอศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนสืบทราบว่า นางสาวสายฝนฯ ผู้ต้องหาได้ไปพักอาศัยในพื้นที่ ถนนปัญญารามอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังไปดักรอบริเวณดังกล่าว และเมื่อผู้ต้องหาได้ปรากฏตัวบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม แต่ในการแสดงหมายจับผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือ จึงได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจพื้นที่ สน.คันนายาว มาร่วมทำการตรวจสอบยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปอศ. เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และได้แสดงหมายจับพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.๒ บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาแต่ยอมรับว่ามีเงินจากบริษัททั้งสามโอนเข้าบัญชีจริง
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจ ที่ได้ดำเนินการ หลีกเลี่ยงภาษีอากร พร้อมทั้งขอภาษีเงินคืนเป็นเท็จทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นผู้กระทำผิดตามผู้กระทำผิดตามประมวลรัษฎากร