ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาจี้ชิงทรัพย์ ก่อนทำร้ายเจ้าของร้านขายของชำจนเสียชีวิตทำแผน
1 min readจากกรณีที่เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ก.ย.66 ร.ต.อ.กมล โยงรัมย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.นาดี ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเข้าไปที่ร้านขายของชำ บ้านเลขที่ 138 ม.5 บ้านสะพานหิน ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และทำร้ายร่างกายนายศักดิ์ชาย ทัดจ้อย อายุ 73 ปี (เจ้าของร้าน) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนขี่รถ จยย.หลบหนีไป
หลังจากรับแจ้ง จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นร้านขายของชำ ภายในร้านมีiอยเลือดของเจ้าร้านอยู่ที่พื้นที่เป็นจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.นาแขม ได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งโรงพยาบาลนาดี เนื่องจากถูกทำร้ายที่ศีรษะและแพทย์กำลังทำการเย็บแผล จำนวน 30 เข็ม จากการตรวจสอบภายในร้าน ทราบว่าคำร้ายได้ทำการลักกระเป๋าเงินมีเงินสดประมาณ 1 หมื่นบาท พร้อมสร้อยทองหนัก 1 บาท
กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านสามารถบันทึกภาพ คนร้ายชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมแมสปิดปังใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก สีดำ ทะเบียนป้ายแดง 01-0708 สระแก้ว มาจอดบริเวณหน้าร้านพร้อมเดินเข้าไปในร้าน ก่อนมีเสียงจากกล้องวงจรปิดมีเสียงเอะอะโครมคราม จนทำให้สุนัขที่อยู่หน้าร้านเห่ากรรโชก และมีเสียงคนข้างในร้านร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นคนร้ายได้ออกจากร้านและขับรถหนีไป โดยใช้เวลาก่อเหตุในร้านประมาณ 5 นาที ส่วนกล้องวงจรปิด 2 ตัวที่อยู่ภายในร้าน คนร้ายถอดออกไปด้วย คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้การเคลื่อนไหวของที่ร้านเป็นอย่างดี
จากการสอบถามลุงผ่อง สิงห์สนิท คนเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่าเมื่อเวลาประมาณ ขณะที่ตนเองไปซื้อของที่ร้านค้าพบผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นได้โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านประสานกู้ภัยมารับตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนเนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บนอนจมกองเลือดและมีแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ
นส.น้ำฝน พัดจ้อย ลูกสาวกล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้ไปทำงานพ่ออยู่บ้านเปิดร้านขายของชำตามปกติ ทราบจากเพื่อนบ้านว่าพ่อได้รับบาดเจ็บอาจจะลื่นล้มภายในร้านพ่อนำตัวส่งโรงพยาบาลนาดี เมื่อกลับมาดูกล้องวงจรปิดพบว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาในร้านและใช้เหล็กที่ซุกอยู่ในเสื้อยืดด้านหลังมา กระหน่ำตีที่บริเวณใบหน้าของคุณพ่ออย่างบ้าคลั่ง และค้นเอาเงินสดติดตัวไปจำนวนหนึ่งและสร้อยคอทองคำ พร้อมอาวุธปืนจุด.38ของพ่อไปด้วย ต่อมาคุณพ่อได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 21:00 น. ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใครปกติมีลูกค้ามาเซ็นของที่ร้านอยู่หลายคน แต่มีลูกค้ารายหนึ่งเซ็นของไปเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท พ่อได้ทวงถามแต่ก็บอกว่ายังไม่มีเงินมาใช้หนี้ในระยะนี้ขอผลัดไปก่อน
พ.ต.อ.นัธการต์ ประทุมตรี ผกก.กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่าขอให้ทางตำรวจทำงานก่อนยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลและให้สัมภาษณ์ และได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวและแกะหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุแล้วตั้งแต่เมื่อบ่ายของวันนี้ขอเวลาทำงาน1-2วันคาดว่าน่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ต่อมาเมื่อเวลา 11.30น.วันนี้จับกุมนาย อุทร อายุ 40ปี บ้านเดิมอยู่ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ผู้ก่อเหตุได้อยู่บริเวณข้างที่ที่ทำงานของผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นลูกจ้างทำงานฟาร์มหมู จากนั้นได้นำตัวไปสอบสวนที่สภ.
ต่อมาเมื่อเวลา 15:00 น.ตำรวจกว่า 20 นายได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนในที่เกิดเหตุซึ่งมีประชาชนมามุงดูด้วยความสนใจ ขณะเจ้าหน้าที่กำลังนำตัวผู้ก่อเหตุทำแผนที่บ้านของผู้เสียชีวิต มีญาติของผู้เสียชีวิตถือมีดปอกผลไม้ยาว 10 ซมวิ่งกรูเข้ามาเพื่อที่จะมาทำร้ายผู้ก่อเหตุ แต่โชคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเสียก่อนจึงยึดมีดเอาไว้และนำตัวผู้ก่อเหตุออกจากที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย ผู้ก่อเหตุชี้จุดใช้เหล็กตีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องหน้าบันได และชี้จุดที่ได้แกะกล้องวงจรปิดภายในบ้านพัก 2 ตัวนำไปทิ้งบริเวณสะพานแม่น้ำคลองยางซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 3 กม.
ผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพว่าโมโหผู้เสียชีวิตจึงบันดาลโทสะใช้เหล็กที่เตรียมมาทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตโดยปีที่ศีรษะ 3-5 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตนอนหายใจรวยรินอยู่ภายในบ้านแล้วขับรถจักรยานยนต์หนีไป ทิ้งให้ผู้เสียชีวิตนอนหายใจรวยรินจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง ผ่านไปนับชั่วโมงมีเพื่อนบ้านมาซื้อของที่ร้านถึงร้องให้เพื่อนบ้านช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนาดีและส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี และเสียชีวิตเมื่อเวลา 21:00 น ของเมื่อคืนที่ผ่านมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ป้าฉวีวรรณ ญาติผู้เสียชีวิตที่มาดูการทำแผนบอกว่ารู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะใจร้ายอำมหิตถึงขั้นลงมือก่อเหตุได้ถึงเพียงนี้ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตัดสินให้ตายตามกันไป สำหรับร่างผู้เสียชีวิตอยากได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดโพธิ์ศรี โดยจัดตั้งบำเพ็ญกุศลศพไว้เป็นเวลา 3 คืน
ภาพ/ข่าว ทองสุข สิงห์พิมพ์