ร้องสายไหมต้องรอด สาวนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผ่าน รร.ถูกเศษก้อนหินตึกก่อสร้าง ตกใส่หัวกระโหลกศรีษะร้าว
1 min read
เมื่อเวลา13.30 น.วันที่ 18 ก.ย.นางสาว อนัตญา (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งเลขา ผอ.โรงเรียนสตรีชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมนายอนุชา ปุระนะ อายุ 40 ปีสามีเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือ ต่อนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีเกิดอุบัติถูกเศษหินจากการก่อสร้างอาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนจันทร์ กรุงเทพฯ ตกใส่ศรีษะ ขณะขับรถจักรยานยนต์ไปส่งลูกที่โรงเรียน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระโหลกร้าว แต่เยียวยาเฉพาะค่ารักษาเพียงอย่างเดียว
นายเอกภพ กล่าวว่า ขณะที่ น.ส.อนัตญา ผู้เสียหาย ซ้อนรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีนายอนุชา อายุ 40 ปี แฟนหนุ่มของผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่ เพื่อจะไปส่งลูกที่โรงเรียน อีก 2 คน คนนึงผู้ชาย อายุ 14 ปี ส่วนอีกคนเป็นเด็กหญิง อายุ 4 ขวบ โดย ขณะที่น.ส.อนัตญา อุ้มลูกสาววัย 4 ขวบอยู่นั้น จู่ๆได้มีเศษหินจากการก่อสร้างอาคารของโรงแรมแห่งหนึ่ง บนถนนจันทร์ (ปากซอยจันทร์ 47) แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ ล่วงใส่ศรีษะของ น.ส.อนัตญา จนเลือดท่วมเต็มใบหน้าและศรีษะ แต่ไม่ทราบว่าโดนอะไรตกใส่ เมื่อเหลือบไปดูก็พบว่าเป็นเศษก้อนหินตกกระจายเป็นเศษที่พื้น จากนั้นเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยผลเอ็กซ์เรย์ หมอแจ้งว่ากระโหลกร้าว
ด้านนางสาวอนิตญา ผู้เสียหาย กล่าวว่า ปกติตนใช้เส้นทางนั้นเป็นประจำทุกวัน ขณะนั้นไปส่งลูกชายที่โรงเรียน จนหินตกใส่หัว ซึ่งตนก็ไม่รู้สึกตัว แต่ได้ยินเสียงลูกชายบอกว่า แม่หนูไม่ไปโรงเรียนแล้วนะ ตกก็รู้สึกตกใจ จนกระทั่งมาเห็นตนเองเลือดไหล จึงหยิบมือถือมาถ่ายรูปตรเองแล้วส่งไปให้ครูประจำชั้นของลูก ว่าวันนี้ลูกตนไม่เข้าเรียน เพราะแม่เกิดอุบัติเหตุ จากนั้นก็มารู้ตัวอีกทีตอนเข้าเครื่องสแกนศรีษะ ที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นตนไม่รู้สึกเจ็บ แต่เหนื่อยหอบ โดยทางรถพยาบาลได้แจ้งว่าเหตุเกิดที่รถจักรยานยนต์จึงแนะนำให้ใช้ พรบ.รถรักษา ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เข้าห้องฉุกเฉิน 6-9 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อเช็คสิทธิ์แระกันก็ถูกย้ายไป รพ.หัวเฉียว เมื่อหมอเปิดภาพแสกนพบว่า รูปกระโหลกศรีษะและมีรอยแตก หลังเกิดเหตุประมาณ 3-4 วัน มีผู้ปกครองเพื่อนลูก ถ่ายภาพตึก อาคารที่เกิดเหตุให้ดูว่ามีการกั้นสแลนไว้แล้ว
นางสาวอนิตญา กล่าวอีกว่า จากนั้นทางเจ้าของตึกก็ได้ติดต่อมาแจ้งว่า ถ้ามีค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ที่จะต้องจ่ายให้ติดต่อมา เพื่อจะโอนเงินค่ารักษาให้ และปัจจุบันตนเองเดินไม่ค่อยได้ ขาซ้ายอ่อนแรง คล้ายอาการชัก ซึ่งอนาคตยังไม่รู้ว่าจะใช้การได้แบบเดิมหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้ทางเจ้าของตึกเข้ามาดูแลอาการบ้าง ไม่ใช่เพราะตนอยากได้แค่ค่ารักษาพยาบาล หากตนเป็นอะไรขึ้นมายังมีภาระทั้งลูกๆ พ่อและแม่ตนที่จะต้องคอยดูแลอีกด้วย
นางสาวอนิตญา กล่าวอีกว่า จากนั้นทางเจ้าของตึกก็ได้ติดต่อมาแจ้งว่า ถ้ามีค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ที่จะต้องจ่ายให้ติดต่อมา เพื่อจะโอนเงินค่ารักษาให้ และปัจจุบันตนเองเดินไม่ค่อยได้ ขาซ้ายอ่อนแรง คล้ายอาการชัก ซึ่งอนาคตยังไม่รู้ว่าจะใช้การได้แบบเดิมหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้ทางเจ้าของตึกเข้ามาดูแลอาการบ้าง ไม่ใช่เพราะตนอยากได้แค่ค่ารักษาพยาบาล หากตนเป็นอะไรขึ้นมายังมีภาระทั้งลูกๆ พ่อและแม่ตนที่จะต้องคอยดูแลอีกด้วย
นายอนุชา สามีของผู้เสียหาย กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จู่ๆภรรยาก็ล่วงลงรถไปแล้ว ตนยังคิดว่ามีใครยิงหรือเปล่า เนื่องจากเกิดเสียงดังมาก พอรถพยาบาลมาถึง ตนก็วิ่งกลับไปดูที่เกิดเหตุ กระทั่งพบมีก้อนหิน และเศษสีเขียวของกำแพงดังกล่าวติดลงมาด้วย โดยทางเจ้าของตึกก็มีการแจ้งให้ส่งใบเสร็จค่ารักพยาบาลให้ ตนก็รู้สึกดีในระดับนึง เพราะเมื่อส่งสลิปค่ารักษาให้ เพียงไม่นาน ทางเจ้าของตึกก็ได้โอนเงินค่ารักษาพยาบาลมาให้ทันที แต่จะต้องรอวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ที่จะต้องพา น.ส.อนิตญา เข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์สมองอีกครั้งเนื่องจากมีเศษหินที่ทิ่มอยู่บริเวณในศรีษะ แต่ยังไม่สามารถเอาออกได้ และจะขอเจรจากับทางคู่กรณีอีกครั้งว่าจะเยียวอย่างไรบ้าง
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า ฝากถึงทางผู้ว่าฯชัชชาติ และผู้อำนวยการเขตสาทร ฝ่ายโยธาเขต อยากทราบว่าตอนที่มีการขออนุญาตปรับปรุงอาคารทางเจ้าหน้าที่ได้มีการมาตรวจสอบหน้างาน ก่อนหรือไม่ และหากไม่ได้มาตรวจสอบเจ้าหน้าที่เองจะมีความผิดด้วยหรือไม่ และเจ้าของอาคารดังกล่าว ต้องมาคอยดูแลผู้บาดเจ็บด้วย ไม่ใช่เฉพาะแค่รักษาพยาบาล ควรจะมีจิตสำนึกมากกว่านี้ด้วย
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า ฝากถึงทางผู้ว่าฯชัชชาติ และผู้อำนวยการเขตสาทร ฝ่ายโยธาเขต อยากทราบว่าตอนที่มีการขออนุญาตปรับปรุงอาคารทางเจ้าหน้าที่ได้มีการมาตรวจสอบหน้างาน ก่อนหรือไม่ และหากไม่ได้มาตรวจสอบเจ้าหน้าที่เองจะมีความผิดด้วยหรือไม่ และเจ้าของอาคารดังกล่าว ต้องมาคอยดูแลผู้บาดเจ็บด้วย ไม่ใช่เฉพาะแค่รักษาพยาบาล ควรจะมีจิตสำนึกมากกว่านี้ด้วย
Loading…