เจ้าของคาเฟ่ดังชลบุรี ฝากถึงนายก”เศรษฐา” แจกเงินสด ดีกว่าแจกเงินดิจิทัล ชี้ชาวบ้านใช้จ่ายง่าย เศรษฐกิจในชุมชนดี

ชลบุรี- จากกรณีที่รัฐบาลแจกเงินวอเล็ตดิจิทัล1หมื่นบาทจ่อขยายพื้นที่จาก4 กม.เป็นอำเภอด้านเจ้าของร้านคาเฟ่ดังและแหล่งท่องเที่ยวเผยถึงนายกให้แจกเป็นเงินสดจะทำให้เศรษฐกิจในชุมชนดีขึ้นกว่าเงินดิจิทัลที่คนแก่และคนจนจริงๆเข้าไม่ถึงในการใช้

วันที่19 ต.ค. 66 จากที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการประชุมเพื่อสรุปหาความชัดเจน และความคืบหน้าเงื่อนไขการใช้จ่ายต่างๆ ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ได้กล่าวกับสื่อหลายสำนักไว้ก่อนหน้านี้แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนถึงเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่สิ่งที่มีความเป็นไปได้คือ การขยายรัศมีการใช้จ่ายจาก 4 กิโลเมตร เป็นการใช้จ่ายภายในอำเภอ ในภูมิลำเนาก็ได้ เพราะสามารถตรวจสอบ ผู้ใช้จ่าย-ร้านค้าที่ร่วมโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้จากรหัสไปรษณีย์แต่อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท คณะอนุกรรมการฯ จะมีการแถลงรายละเอียดและเงื่อนไขให้ทราบอีกครั้งภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามกลุ่มพ่อค้าและแม่ค้าจากในชุมชนเล็กๆไปจนถึงร้านคาเฟ่ชื่อดังที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยนางสาวจารุดา เสวกอาพร อายุ 53 ปีแม่ค้าขายของชำในชุมชนซอยหลังตึกน้ำ ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้เล่าว่าในส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ตเพราะจะเป็นช่องทางให้กับมิจฉาชีพหากเปิดให้ลงทะเบียนเพราะคนสูงอายุและคนที่จนจริงๆจะไม่เข้าใจในการใช้หากมีการแจกจริงก็ทำให้แม่ค้าที่ลงทุนเอาของมาขายต้องแบกภาระเพราะกว่าเงินจะเข้ามาก็ใช้ระยะเวลา6เดือนแล้วจะเอาที่ไหนมาสำรองซื้อของขาย

แต่ถ้าจะแจกจริงๆก็แจกเป็นเงินสดจะดีกว่าเพราะจะได้เห็นเม็ดเงินในการหมุนเวียนในชุมชนดีกว่าและถ้าไวรุ่นได้มาเงิน1หมื่นก็ไม่รู้จักใช้มาซื้อเหล้าซื้อเบียร์และบุหรี่ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อยากให้แจกเงินสดไปเลยหรือไม่ก็ใช้โครงการแบบรัฐบาลชุดเดิมคือโครงการคนละครึ่งก็ได้อย่างน้อยก็เห็นเม็ดเงินแน่นอน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านคุณตาคาเฟ่หรือคาเฟ่ไดโนเสาชื่อดังในพื้นที่ ต.หนองหงส์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้พบกับนายประจวบ บุญมา อายุ 62ปี

เจ้าของร้านคุณตาคาเฟ่ได้เล่าว่าการที่รัฐบาลแจกเงินจำนวน1หมื่นบาทถือว่าดีสำหรับคนจนเพราะเงิน1หมื่นสามารถช่วยชีวิตให้อยู่ได้หลายเดือนบางคนสามารถอยู่ได้เป็นปีแต่ข้อเสียคือเป็นเงินดิจิทัลวอเล็ตที่คนสูงอายุจะไม่เข้าใจและคนจนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเข้าไม่ถึงและการขยายขอบเขตในการใช้จากเดิมระยะทาง4กิโลเมตรขยายเป็นระดับอำเภอก็เป็นเรื่องดีเพราะจะกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนต่างๆตั้งแต่ร้านค้าในชุมชนเล็กๆไปจนถึงร้านค้าใหญ่ๆรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวก็จะมีเงินสะพัดมากขึ้นแต่การแจกเงินนี้อยากฝากถึงทางรัฐบาลหรือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีอยากให้แจกเป็นเงินสดจะดีกว่าเงินดิจิทัลวอเล็ตเพราะไปไหนก็สามารถใช้เงินจ่ายซื้อของสดๆได้เลย