ไล่ล่าระทึก! สกัดจับหนุ่มซีวิคหัวร้อน ชักปืนขู่รถบรรทุก เหตุไม่พอใจถูกขับปาดหน้าบนถนนพระราม 2

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท.รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ศุภชัย ศรสุคนแก้ว ผกก.สภ.บางโทรัด, พ.ต.อ.ภคพล สุชล รรท.ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.สุพจน์ จันทร์หอม รอง ผกก.ป.สภ.บางโทรัด, พ.ต.ท.วิศิษฏ์ มินเสน รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตน์ ยุวบูรณ์ รรท.รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.กิตติพล เกื้อบุญส่ง สวป.สภ.บางโทรัด, พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รรท.สว.กก.2 บก.ทล. และ พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ รรท.สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รอง สว ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.นว สมานจิต รอง สว.ป.สภ.บางโทรัด, ร.ต.ต.สถิตย์ ขวัญชุม รอง สว (ป) ส.ทล.1กก.2 บก.ทล, ด.ต.กฤติพล น้อยติ ผบ.หมู่.ป.สภ.บางโทรัด, ด.ต.ณัฐนันท์ รางดี, ด.ต.กิตติศักดิ์ อิสสะอาด ผบ.หมู่.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล

ร่วมกันจับกุม นายพันฤทธิ์ฯ อายุ 33 ปี ในความผิดฐาน “พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Zev สีดำ จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน จำนวน 3 อัน

สถานที่จับกุม ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 กม 53 ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง หน่วยบริการฯ สมุทรสงคราม ของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ปฏิบัติหน้าที่ขับรถวิทยุออกตรวจภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งทางวิทยุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด ว่าเกิดเหตุ รถยนต์จำนวน 2 คัน คือ รถเก๋ง Honda Civic สีดำ และรถบรรทุก 6 ล้อ ขับขี่รถปาดหน้ากันบนถนนพระราม 2 ทิศทางขาออกกรุงเทพฯ มุ่งหน้าเข้าพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยผู้ขับขี่รถเก๋ง Honda Civic ได้ใช้อาวุธปืนชี้ไปที่รถบรรทุก 6 ล้อ ในลักษณะข่มขู่ ผู้ขับขี่รถบรรทุก 6 ล้อ จึงจอดขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ภายหลังจากได้รับประสานเเจ้งเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ตั้งจุดสกัด เพื่อควบคุมรถเก๋ง Honda Civic ณ บริเวณหน่วยบริการฯ สมุทรสงคราม บนถนนพระราม 2 โดยเมื่อพบรถเก๋งคันดังกล่าวจึงได้เรียกให้หยุด และให้ผู้ขับขี่ลงจากรถเพื่อตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบ นายพันฤทธิ์ฯ เป็นผู้ขับขี่ รถคันดังกล่าว และจากการตรวจค้นภายในรถยนต์พบอาวุธปืนยี่ห้อ Zev สีดำ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน จำนวน 3 อัน อยู่บริเวณเบาะหลังรถซึ่งเก็บอยู่ในกระเป๋าผ้าสีน้ำตาล โดยอาวุธปืนดังกล่าวได้บรรจุไว้ในกล่องเก็บอาวุธปืนภายในรถเก๋งคันดังกล่าว

จากการสอบถาม นายพันฤทธิ์ฯ ผู้ต้องหาให้การรับว่าปืนดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และให้การว่าระหว่างที่ตนขับรถมาถึงบริเวณโรงพยาบาลมหาชัย ได้มีรถบรรทุก 6 ล้อเปลี่ยนช่องทางกะทันหันในลักษณะปาดหน้า ตนจึงเกิดความโมโห จึงได้นำอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ หลังจากนั้นรถบรรทุก 6 ล้อคู่กรณี จึงได้ชะลอความเร็วและทิ้งระยะห่างออกไป
ภายหลังจากสกัดจับ นายพันฤทธิ์ฯ ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ให้นายพันฤทธิ์ฯ ทราบ และได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางโทรัด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ โทษตามกฎหมายสำหรับการพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง ได้ระบุไว้ว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์” ซึ่งต้องระวางโทษตาม มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ