“ตร.ไซเบอร์” ไล่ล่าหนัก เตรียมขอหมายแดงจับระดับบอส รวบ “ศิริพร” บัญชีม้าเพิ่มอีก 1
1 min readกรุงเทพมหานคร-ตำรวจไซเบอร์จับเพิ่มบัญชีม้าเพิ่มอีก 1 คดีน้องพลอย ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง ขณะที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับระดับบอสเป็นชาวต่างชาติเพิ่มอีก 1 ราย
ตำรวจไซเบอร์ คุมตัว นางสาวศิริพร อายุ 20 ปี บัญชีม้าแถวที่ 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดี ร่วมกันฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขบวนการหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนให้นักเรียนหญิง ม.6 และผู้เสียหายรายอื่น ๆ มาสอบปากคำเพิ่มที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวานนี้ ก่อนส่งตัวมาสอบปากคำที่ สอท.5 โดยมี พลตำรวจตรีชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 สอบปากคำด้วยตัวเอง
ภายหลังจากทำการสอบปากคำนางสาวศิริพร พลตำรวจตรีชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 เปิดเผยว่า นางสาวศิริพร ให้การยอมรับว่าได้รับการจ้างวานให้เปิดบัญชีม้าในราคา 3 พันบาท ทำหน้าที่เป็นคนรับเงินจาก นางสาวดอกแก้ว แล้วโอนต่อไปยังบัญชีบอสที่อยู่ในประเทศเมียมาร์ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีของนางสาวศิริพร ทราบว่า บัญชีได้ถูกเปิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา และพบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ตุลามคมที่ผ่านมา มีเงินเข้าออกมากถึง 150,000 บาท จึงได้สั่งการให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไล่ตรวจสอบและทำการอาญัติไว้
ส่วนการออกหมายจับเพิ่มเติม ขณะนี่อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นชาวเมียมาร์ 2 คน อยู่ในระดับบอส เพราะมีเส้นทางการเงินไหลเข้าไปเป็นจำนวนมาก และเมื่อออกหมายจับเสร็จก็จะประสานออกหมายแดงเพื่อขอให้ติดตามจับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พล.ต.ต.ชรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ตำรวจได้จับผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน ผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 คน แบ่งออกเป็น บัญชีม้า 3 คน/ คนกดเงิน 1 คน / คนหาบัญขี 1 คน/ ส่วน อีก 1 คนคือ นางสาวดอกแก้ว แก้มเจิม ไม่ได้ถูกออกหมายจับแต่เป็นการจับกุมและแจ้งข้อหาซึ่งหน้าแทน
อย่างไก็ตาม ยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความในคดีดังกล่าวเพิมเติม ส่วนผู้เสียหายที่ไปแจ้งความไว้ในพื้นที่นครบาลนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจนครสามารถดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายได้ทุกอย่าง ส่วนจะมีการรวมสำนวนมาให้สอท หีอไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งการหรือไม่
ส่วนการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย จากการตรวจสอบบัญชีพบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีไปเกือบหมดแล้วซึ่งจะต้องไปตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะติดตามไปอายัดเพื่อนำทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหายเท่าที่จะทำได้