“กัน จอมพลัง” พาพี่ชายผู้เสียหาย ร้อง ผกก.พหลโยธิน น้องชายถูกแฟนสาวทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
1 min readนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วย นายยอด ทะชัยวงศ์ อายุ 43 ปี พี่ชายของ นายบิว (นามสมมุติ ) อายุ 42 ปี อาชีพ พนักงานรักษาความปลอดภัย เดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าและร้องขอความเป็นธรรมกับทางผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน
หลังน้องชายของผู้เสียหายรายนี้ถูกแฟนสาว ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ซอย 1 เหตุเกิดวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะ ไปพักรักษา ที่โรงพยาบาลได้อีกสามวันและเสียชีวิตในวันที่ 6 ตุลาคม และทางพี่ชายได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่วันแรกที่ทราบว่าน้องชายถูกทำร้าย จนเมื่อวานนี้มาทราบจากทางตำรวจว่าฝ่ายหญิงภายหลังจากถูกจับกุมได้มีการให้การว่าเป็นการต่อสู้ป้องกันตัว จึงทำให้เกิดความไม่สบายใจเกรงว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงประสานขอความช่วยเหลือมายังกันจอมพลัง เพื่อให้ช่วยเหลือทางคดี
นายกันจอมพลัง ระบุว่า ผู้เสียหายที่เป็นพี่ชายรายนี้ได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือ โดยตนเอง ได้มีการประสานมายังผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินเพื่อมาติดตามความคืบหน้าในวันนี้
ส่วนตัวมองว่าพฤติการณ์ของฝ่ายหญิงที่ก่อเหตุความรุนแรงกับสามีแบบนี้โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่เป็นเหตุให้ สามีเสียชีวิตในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าเข้าข่ายความผิด เจตนาฆ่าหรือเปล่า เพราะก่อเหตุใช้อาวุธทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังมีการนำร่างไปซ่อนอยู่ในห้องน้ำภายในห้องเช่าก่อนจะล็อกประตูและออกไปทำงานตามปกติปล่อยทิ้งผู้บาดเจ็บสาหัสเอาไว้ในห้องน้ำ ซึ่งกว่าที่จะมี เพื่อนของคนเจ็บมาพบก็กินเวลานานหลายชั่วโมง ทำให้เมื่อส่งตัวไปรักษาคนเจ็บอยู่ในอาการโคม่าและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เพราะหากจะเป็นการก่อเหตุจากความโมโหหรือทะเลาะวิวาทกันเมื่ออารมณ์เย็นแล้วก็ควรจะกลับไปให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้ให้รอความตายแบบนี้
ด้าน นายยอด พี่ชายผู้เสียชีวิตรายนี้ระบุว่า เท่าที่ตนเองทราบทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานานกว่าห้าปีโดยเริ่ม มาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 2561 โดยตัวแฟนสาวรายนี้ชื่อ นางสาววงเดือน รักษาสัตย์ อายุ 50 ปี
ตนเองยังเคยรู้มาจากน้องชายว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาน้องชายจะถูกฝ่ายหญิงทำร้ายร่างกายมาตลอดโดยสาเหตุมาจากความไม่พอใจขณะมึนเมาว่าน้องชายตนเองไม่นำเงินมาให้หรือนำเงินเดือนที่น้องชายทำงานมาไปใช้ซื้อของหรือซื้ออาหารต่างๆโดยที่ฝ่ายหญิงไม่รู้ เพราะน้องชายหลังคบหาดูใจกับฝ่ายหญิงก็ได้ให้สมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไว้ที่ฝ่ายหญิง โดยจะให้ฝ่ายหญิงกดเงินเดือนกว่าเกือบ 20,000 บาทที่ได้มาจากอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นคนจัดการโดยฝ่ายหญิงจะแบ่งให้กับน้องชายเพียงเดือนละ 1000 บาท ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องชายก็มักจะโทรมาขอยืมเงินตนเองอยู่บ่อยครั้งครั้งละ 500 บ้าง 1000 บาทบ้าง แล้วแต่ความเดือดร้อน
ตนเองเท่าที่ทราบยังเคยเห็นน้องชายถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมาแล้วหลายครั้งทั้งที่โดนฟาดที่ศีรษะตามร่างกาย หรือการถีบลงบันไดภายในห้อง จนมีครั้งหนึ่งถูกใช้มีดฟันร่างกายจนต้องเย็บมากกว่า 38 เข็ม ซึ่งขณะนั้นน้องชายได้ไปพักฟื้นร่างกายที่จังหวัดบ้านเกิดในจังหวัด สกลนคร ซึ่งตอนที่มาพักฟื้นยังเคยได้บอกกับลูกชายตนเองว่าหากน้องชายเป็นอะไรไปก็มาจากผู้หญิงคนนี้ยังมีการนำรูปให้กับลูกชายของตนเองได้ดูไว้อีกด้วย
ส่วนตัวน้องชายไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมากนักแต่ตนเองจะรู้แต่ว่าหากไม่มีเงินให้ฝ่ายหญิงก็จะถูกไล่ออกจาก ห้องเช่า แต่ทุกครั้งฝ่ายชายซึ่งเป็นน้องชายตนเองก็จะกลับไปหาฝ่ายหญิงเพราะมักจะบอกกับตนเองและครอบครัวว่ามีใจรักฝ่ายหญิงแม้ว่าฝ่ายหญิงจะทำร้ายร่างกายหนักมากแค่ไหนก็ตาม
ตนเองยืนยันว่าน้องชายไม่เคยทำร้ายฝ่ายหญิงเพราะเป็นคนที่รักฝ่ายหญิงอย่างมาก ดังนั้นการที่ฝ่ายหญิงให้ข้อมูลกับทางตำรวจ ว่าเป็นการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันทั้งสองฝ่ายจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง
และตลอดระยะเวลาที่น้องชายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และทางครอบครัวมีการผ่าร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลก็ไม่เคยพบฝ่ายหญิงเดินทาง มาร่วมงานแต่อย่างใด ตนเองจึงอยากขอให้ตำรวจดำเนินการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและให้ได้รับผลของการกระทำในครั้งนี้
พันตำรวจเอกชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินระบุว่าในส่วนของทางคดีขณะนี้ ภายหลังจากที่ ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตได้มีการเรียกผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแต่ไม่ได้มีการให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นการเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองจึงมีการปล่อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและผลการตรวจของทางนิติเวชเพื่อใช้ดำเนินการทางคดีต่อไปยืนยันตำรวจไม่ทำงานล่าช้าเป็นไปตามกรอบระยะเวลาของงาน