ไทย จับมือ สปป.ลาว ร่วมปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ตามลำแม่น้ำโขง ภายใต้ปฏิบัติการ “สามเหลี่ยมทองคำ 1511”
1 min readพลโท สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ผอ.ศอ.บส.ชน.) พร้อมคณะให้การต้อนรับ พลจัตวา ศรีพัน หัวหน้ากรมทหารชายแดน สปป.ลาว และคณะ ในโอกาสปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนร่วมระหว่างไทยและ สปป.ลาว ตามลำแม่น้ำโขง เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ ณ บริเวณท่าเรือหิรัญนคร ตำบล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายประเสริฐ จิตพลีชีพ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 5 ผู้บังคับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตเชียงราย และหน่วยงานข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมภารกิจปฏิบัติการในครั้งนี้
โดยการนี้ จะได้เปิดภารกิจปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดร่วมกันทั้ง 6 ประเทศพร้อมกัน ภายใต้ชื่อปฏิบัติการว่า “สามเหลี่ยมทองคำ 1511” โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงธันวาคม 2563 ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ สำนักงาน ปปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการอำนวยการและประสานงานร่วมมือกับฝ่าย สปป.ลาว ในการยกระดับว่าด้วยความร่วมมือในการลาดตระเวนทางเรือร่วมกัน เพื่อการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ อีกทั้ง การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตามแนวลำแม่น้ำโขงโดยเฉพาะบริเวณรอยต่อของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี
โดยมีผู้แทนฝ่าย สปป.ลาว ประกอบด้วย พลจัตวา สีพัน พุดทะวง หัวหน้ากรมทหารชายแดน พันเอก อ่อนผิว โค้งเวียงทอง เลขาธิการ LCDC พันโท บุนเพ็ง อินทะวง รองหัวหน้ากรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด มาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
ด้าน พลโท สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า สืบเนื่องจากสภาพปัญหายาเสพติดที่มีการกระจายตัวออกจากแหล่งผลิต ซึ่งอยู่ภายนอกประเทศของเรา โดยกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดมีการใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางในการลักลอบลำเลียง ทำให้ส่งผลกระทบเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้น กลุ่มพหุภาคี 6 ประเทศตามแนวลำแม่น้ำโขงที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย สาธารณรัฐกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว สหพันธ์แห่งสาธารณรัฐเมียนมา ไทย และสาธารณรัฐเวียดนาม จึงเกิดเป็นความร่วมมือของน่านน้ำ 3 ประเทศ ไปจนถึงด้านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งแนวทางความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวนี้ จะมีการยกระดับให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง จะเป็นความร่วมมือพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว และสหพันธ์แห่งสาธารณรัฐเมียนมา ตามนโยบายของรัฐบาลไทยและรัฐบาล สปป.ลาว อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
ขณะที่ พลจัตวา สีพัน ระบุว่าประเทศไทยและ สปป.ลาว มีความใกล้ชิดและเผชิญกับปัญหาร่วมกันอยู่เสมอ เช่นเดียวกับปัญหายาเสพติด ซึ่งความร่วมมือด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหลายปีที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่งผลให้ทางการของ สปป.ลาว สามารถสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติในห้วงปี 2562 ที่ผ่านมาได้มากถึง 65 คดี ได้ผู้ต้องหา 116 คน ยึดยาบ้าได้กว่า 33,512,556 เม็ด ไอซ์ 2,876 กก. กัญชา 248 กก. เฮโรอีน 124 กก. และสารตั้งต้นที่จะนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดอีกกว่า 12,000 กก. ซึ่งทางการ สปป.ลาวได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จึงเดินทางมาร่วมลงเรือลาดตระเวนจากท่าเรือบ้านมอม เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว มายังน่านน้ำรอยต่อระหว่างประเทศไทย ที่อำเภอเชียงแสน เพื่อแสดงถึงความร่วมมือและความจริงใจในการสกัดกั้นยาเสพติดของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย
ทั้งนี้ จากสภาพปัญหายาเสพติดที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ต่อเนื่องจากห้วงหลายปีที่ผ่านมา จึงจำเป็นจะต้องพัฒนาและยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้นในทุก ๆ ด้าน เพื่อหยุดยั้งการส่งออกยาเสพติด และการนำเข้าสารตั้งต้นรวมทั้งเคมีภัณฑ์ ที่จะนำไปสู่การผลิตยาเสพติดชนิดต่าง ๆ ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำให้เป็นผลในเชิงรูปธรรมต่อไป
แหล่งข่าวจาก – สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงรายบก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ รายงาน