รวบแก๊งค์เงินกู้ดอกมหาโหดรายแรกใน จ.ชลบุรี หลังกู้ 3 แสน จ่ายดอกกว่า 1.9 ล้าน เงินต้นไม่ลด
1 min readชลบุรี รวบแก๊งค์เงินกู้ดอกโหดรายแรกใน จ.ชลบุรี หลังกู้เพียง3แสนจ่ายดอกกว่า 1.9 ล้านต้นไม่ลด หลังตำรวจ สภ.พานทองและนายอำเภอพานทอง รับนโยบายปราบเงินกู้นอกระบบวันแรกกับนายกเศรษฐา ทวีสิน
เปิดภาพนาทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพานทองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ สภ.พานทอง ได้ซุ่มดักรอจับกุมแก็งค์เงินกู้ดอกโหดภายในโรงงานกลึงแห่งหนึ่งในเขต ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยสามรถจับกุมชายได้ 2 รายกำลังนับเงินสดจำนวน 4,200 บาทที่เป็นเงินล่อซื้อจากเจ้าหน้าที่หลังจากที่มีการได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้กู้ว่าได้กู้เงินจำนวน 3 แสนบาทและจ่ายเป็นวันตกวันละ 4,200 บาทพร้อมของกลางเป็นเงินล่อซื้อและรถยนต์กระบะ 1 คัน
สืบเนื่องจากทางรัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมีนโยบายช่วยเหลือและประนอมหนี้ให้กับลูกหนี้ที่กู้เงินนอกระบบทั่วประเทศไทยโดยอำเภอพานทองมีประชาชนจำนวนกว่า 300 รายมาการลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือในการประนอมหนี้และปลดหนี้นอกระบบ
และวันนี้ 8ธันงวาคม2566 เวลา 08.00 น.นายปรัตรวีร์ วิจบ นายอำเภอพานทองนางสาวกันยากร กุลพรรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองและพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.พานทอง ได้เข้ารับนโยบายปราบเงินกู้นอกรพบบขอฃรัฐบาลกับทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 16.30 น.วันที่ 8 ธันวาคม 2566นายปรัตรวีร์ วิจบ นายอำเภอพานทองนางสาวกันยากร กุลพรรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองและพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.พานทองและชุดสืบสวน สภ.พานทอง พร้อมนายคำรณ เกตุประยูร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้มาเช็ครายชื่อผู้มาลงทะเบียนที่อำเภอพานทองพบว่ามีผู้มาลงทะเบียนกว่า 300 คนและมี1คนที่ได้กู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยโหดบริเวณ ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี จึงได้ติดต่อประสานเพื่อทำการล่อซื้อโดยให้ผู้กู้ได้รอจ่ายเงินดอกเบี้ยจำนวน 4,200 บาทกับแก็งค์เงินกู้จึงสามารถจับกุมนายพิพัฒน์ นิตะพันธ์ อายุ 19 ปีชาว จ.จันทบรี และนายธาดาพงธ์ บุดพันธ์ อายุ 23 ปีชาว จ.จันทบุรีพร้อมรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว 4 ประตู ทะเบียน 9 กอ 8923 กทม.และนำตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.พานทอง
จากการสอบถามนายพิพัฒน์ ได้เล่าว่าตนได้มาเก็บเงินดอกเบี้ยจากผู้กู้จากที่กู้เงินจำนวน 3 แสนบาทและจะมาเก็บวันละ 4,200 บาทเป็นดอกเบี้ยตามที่ตกลงทำสัญญากันและเก็บมากว่า 15 เดือนแล้วจำนวนเงินตก 1.9 ล้านบาทแต่เงินต้นยังอยู่ที่มาเก็บเพียงดอกเบี้ยเท่านั้นและใน อำเภอพานทอง มีเจ้าเดียวที่กู้อยู่ ตนเป็นเพียงพนักงานเก็บเงินและเก็บเสร็จก็ได้ส่งโดยการโอนยอดไปยังธนาคารกรุงเทพเลขบัญชี 0560618571
ชื่อ รสสุคนธ์ สถิตธำมรงค์ซึ่งเป็นบัญชีที่โอนเงินเข้าจากทั่วทุกเขตตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่หรือไม่เพราะตนมีหน้าที่เก็บเงินแล้วส่งยอดเท่านั้น
ทางด้านนายนายสุมิตร (สงวนนามสกุล)ชาว อ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้เล่าว่าตนได้กู้เงินกับเงินกู้นอกระบบจำนวน 3 แสน และได้ผ่อนจ่ายรายวันตกวันละ 4,200 บาทตกเดือนละ 126,000 บาทตนจ่ายมาประมาณ 15 เดือนรวมๆ จ่ายไป1,890,000 บาท แต่ยอดเงินต้นจำนวน 3แสนยังคงอยู่เหมือนเดิมต้นไม่ลดและช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ค่อยดีตนก็ไม่ค่อยมีเงินมาจ่ายและเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ทางรัฐบาลได้ให้ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบไปลงทะเบียนเพื่อขอความช่วยเหลือตนจีงได้ไปลงทะเบียนไว้และวันนี้ได้รับความช่วยเหลือจากทางนายอำเภอพานทองและผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพานทองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนในครั้งนี้หาหมดหนี้ก่อนหนี้ไปตนก็จะไม่ไปยุ่งกับเงินกู้นอกระบบอีกเพราะครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตของตนและฝากเตือนหากใครที่คิดจะกู้ให้คิดให้รอบครอบเพราะหากกู้แล้วเหมือนตกนรกทั้งเป็นมีเงินจ่ายก็ดีไปหากวันไหนไม่มีก็จะถูกจี้จนแทบจะหมดหนทางเลย
ทางด้านนายปรัตรวีร์ วิจบ นายอำเภอพานทองได้เปิดเผยว่าวันนี้ได้เดินทางไปพร้อมกับจากที่ได้เดินทางไปรับนโยบายกับพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.พานทอง โดยเข้ารับนโยบายกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้กู้เงินนอกระบบจึงได้มาหาข้อมูลที่ชาวบ้านมาลงทะเบียนขอความช่วยเหลือไว้ที่อำเภอพานทองมีทั้งลงทะเบียนและวอร์คอินจำนวนผู้ลงทะเบียนกว่า 300 คนจึงได้ข้อมูลมีชาวบ้านหมู่ 8 ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี จึงได้สอบถามข้อมูลพบว่ากู้เงินจำนวน 3 แสนแต่จ่ายดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 1.9 ล้านบาทแต่ต้นยังอยู่ไม่ลดจึงได้สอบถามถึงเรื่องการจ่ายเงินดอกพอรูัว่าจะมีคนมาเก็บถึงที่ก็ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง ชุดสืบสวนมาร่วมกันโดยถ่ายเบอร์แบงค์ จำนวน 4,200 บาทให้ทางลูกหนี้ได้จ่ายกับแก็งค์เงินกู้พอจ่ายเงินก็ได้แสดงตัวจับกุมทันทีจึงได้ให้ทางตำรวจนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีเรื่องปล่อยเงินกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด และ พรบ.ทวงถามหนี้ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายจากนโยบายของทางรัฐบาลได้ให้ทางเจ้าหนี้และลูกหนี้มาประนอมหนี้และอยู่ที่ทั้ง2ฝ่ายจะตกลงกันแบบไหนบางรายก็ผ่อนไม่มีดอกเบี้ยบางรายก็ยกหนี้ให้ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่การเจรจากันทั้งสองฝ่ายแต่ถ้าหากเจ้าหนี้ไม่ออกมาเปิดเผยตัวตนทางอำเภอกับตำรวจก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่และจะปราบแลบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดและจากที่มีการเช็คข้อมูลกับทางผู้ว่าราชการการจังหวัดชลบุรีนั้นทราบว่ารายนี้เป็นรายแรกในจังหวัดชลบุรีที่ถูกจับดำเนินคดีหลังได้รับนโยบายของทางรัฐบาลทันที
ภาพ/ข่าว สวัสดิ์ -ชลบุรี