“ตำรวจไซเบอร์” จับเครือข่ายหลอกขายไอโฟนมือสอง เหยื่อต่อราคาแทบสู่ขิต สุดท้ายโดนหลอกโอนมากกว่าเดิม
1 min readสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายต้องการซื้อโทรศัพท์มือสอง จึงได้กดค้นหาในกลุ่มซื้อขายโทรศัพท์ผ่านแอปเฟซบุ๊ก พบผู้ใช้บัญชีของแอปดังกล่าวรายหนึ่ง ใช้ชื่อ “App Mobile Shop” โพสต์ขายโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 14 โปรแม็กซ์ มือสอง ในราคา 21,900 บาท ผู้เสียหายสนใจจึงติดต่อผ่านแชทเพื่อติดต่อซื้อขาย
ต่อมา ผู้เสียหายได้ต่อรองราคา เหลือ 19,000 บาท แล้วให้ส่งสินค้าแบบเก็บเงินปลายทางเนื่องจากผู้เสียหายไม่ไว้ใจร้านดังกล่าว มิจฉาชีพจึงส่งข้อความรีวิว(ของปลอม) พร้อมกับภาพของเจ้าของร้านดังกล่าว(ของปลอม)ให้ผู้เสียหายดู โดยมิจฉาชีพอ้างว่า หากสั่งซื้อพร้อมโอนเงินเลยจะลดราคาให้เหลือเพียง 18,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป
จากนั้น มิจฉาชีพขอข้อมูลชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของผู้เสียหายไป แล้วอ้างว่ากำลังจะส่งสินค้าดังกล่าวให้ แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินค่าประกันสินค้าอีก 16,990 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ นอกจากนั้น มิจฉาชีพยังพยายามหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการต่างๆ แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน และทางมิจฉาชีพพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะส่งสินค้า จนกว่าผู้เสียหายจะโอนเงินเพิ่ม ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าโดนหลอก สุดท้ายเสียเงินไปรวมทั้งสิ้น ประมาณ 35,000 บาท จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงมอบหมายให้ บก.สอท.3 เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 จึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พร้อมให้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องได้หลายราย
จากการสืบสวน พบว่ามี 1 ในผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด และพบว่าเคยมีประวัติการใช้บัญชีธนาคาร หลอกลวงจำหน่ายโทรศัพท์มือถือผ่านทางเพจเฟสบุ๊คอื่นมาแล้ว ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงนำกำลังเข้าจับกุม น.ส.วรรณนิภา (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เบื้องต้น ผู้ต้องหายังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิต พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือสว.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม