“สาวพีอาร์” ร้องกระทรวงยุติธรรม คุ้มครองพยาน ยันเดินหน้าเอาผิดตำรวจยกชุด
1 min readสาวพีอาร์ พร้อมสามี ผู้เสียหายถูก 7 ตำรวจเรียกเงิน แลกกับการช่วยเหลือคดียาเสพติด ร้องกระทรวงยุติธรรมช่วยคุ้มครองพยาน หลังพบกลุ่มคนแปลกหน้าขับรถยนต์บริเวณที่พักอาศัย กลัวเรื่องความปลอดภัยหลังเดินหน้าเอาผิดตำรวจยกชุด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาสาวพีอาร์ และสามี ที่ตกเป็นผู้เสียหายถูกตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี เรียกเงิน 330,000 บาท และพาไปล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อแลกกับการช่วยเหลือคดีในข้อหายาเสพติด
โดยวันนี้เดินทางมาที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นขอคุ้มครองพยานหลังพบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา มีกลุ่มคนมาจับรถวนแถวห้องพักของผู้เสียหาย จนเป็นที่ผิดสังเกตุและเกรงว่า ตัวเองกับสามี จะไม่ปลอดภัยจึงร้องขอความช่วยเหลือคุ้มครองพยาน
นางสาวจิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ์
ผอ.สำนักงานช่วยเหลือทางการเงิน แก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา เป็นตัวแทนออกมารับเรื่อง กล่าวว่าทางกระทรวงยุติธรรมได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนี้ ให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าตอบแทนในฐานะผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อในคดีอาญา เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท , คุมครองพยานในกรณีถูกข่มขู่คุกคาม โดยส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางที่ไม่ใช่ตำรวจคอยคุมครองพยาน , เรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ต้องหากยื่นไปพร้อมกับการดำเนินคดี อละให้การช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “พ.ร.บ. อุ้มหาย ถ้ามีพฤติการข่มขู่ ย่ำยีศักดิ์ศรี โดยจะประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมคุ้มครองสิทธิฯ ติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินคดีและเอาผิดตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเอกภพ กล่าวว่าตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 1 คน ที่เป็นคนพาผู้เสียหายไปกดเงินและพาไปล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนตำรวจที่ร่วมขบวนการทั้งหมด 7 นาย มีเพียงแค่คำสั่งย้ายเท่านั้น จึงมองว่าผู้เสียหายยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร และกลัวว่าจะปลอดภัยเพราะทั้งหมดยังอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานี
ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหาชุดเดียวกันนี้ ได้เรียกรับเงินกับผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จำนวน 16,000 บาท ในวันเดียวกันกับที่สาวพีอาร์ ถูกกระทำ
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า 1 ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่พาผู้เสียหายไปกดเงินและตระเวนกดเงินและล่วงละเมิดทางเพศ เป็นบุคคลธรรมดาที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ เข้ามาร่วมก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเตรียมขอศาลออกหมายจับ ส่วนรายชื่อตำรวจทั้ง 7 นาย พบว่ามี 1 นายไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการจับกุม แต่มีชื่อปรากฏในบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว การดำเนินคดีหรือบทลงโทษตำรวจทั้ง 7 นายในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ยังต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป