บุกรวบอดีตเจ้าหน้าที่คลัง อบต. ซี 7 หนีซุกวัด หลังฉ้อเอาเงินชำระหนี้เกษตรกร บังหลวงไม่นำเข้าบัญชีโครงการรัฐ
1 min readกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. และ พ.ต.ท. ไสว จันทร์มา
สว.กก.4 บก.ปปป. และ พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์ สว.กก.4 บก.ปปป.
ร่วมกันจับกุม นางคะนึงฯ หรือ นางมนัสนันท์ฯ หรือ นางสาวนันท์นภัสรฯ อายุ 50 ปี
สถานที่จับกุม บริเวณหน้ากุฏิวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
พฤติการณ์ ด้วยเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2558 เกิดเหตุการณ์ ผู้อำนวยการกองคลัง ระดับ ซี 7 ของอบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตรถูกไล่ออก ด้วยมีหน้าที่รับชำระหนี้ เงินยืมตามโครงการเศรษฐกิจชุมชน แล้วไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีโครงการ และไม่ทำการบันทึกบัญชี รายรับ-จ่าย ก่อความเสียหายต่อรัฐหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่รับเงิน เบิกจ่ายเงิน ฝากเงิน เก็บรักษาเงินที่ได้รับชำระหนี้ตามโครงการเบียดบังเอาเงินเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เนื่องจากได้รับประสานหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จากสำนักงาน ป.ป.ท. มาอีกส่วนหนึ่งว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในกรณีดังกล่าวนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจลงสืบสวนติดตามจนพบว่า นางสาวเอ(นามสมมติ) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลบหนีซุกซ่อนอยู่ที่วัดในจังหวัดใกล้เคียงมากว่า 8 ปี จึงได้นำชุดจับกุมสนับสนุนโดย นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เขต 6 ร่วมกันบุกรวบคาวัด แสดงหมาย ยืนยันตัวบุคคลชัดเจนแล้ว รับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจริง ก่อนนำส่ง สภ.พรหมพิราม พื้นที่จับกุม เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริคภาครัฐ ภาค 6 จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยนางสาวเอ มาอาศัยอยู่โดยอ้างว่าตนเคยเป็นผู้อำนวยการกองคลังที่ได้โกงเงินไปจริง ชดใช้เงินคืนให้จนครบแล้ว แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีอาญาและทางวินัยอยู่ จึงหลบหนีมาอาศัยวัด และเปลี่ยนชื่อหนีการดำเนินคดีอาญา ปกปิดตัวเอง สุดท้ายยังไม่มีงานทำ เชื่อว่าหากช่วยเหลือวัด จะดวงดีขึ้น และไม่ถูกจับ อ้างอีกว่าตนเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงนี้ ยังมีผู้ได้รับผลประโยชน์อีกหลายคนยังคงลอยนวล