ออกหมายจับ 5 ราย “แก๊งอุ้มรีดเงิน” นักธุรกิจชาวจีน พบเป็นตำรวจในราชการจำนวน 2 นาย อีกหนึ่งรายออกจากราชการไปแล้ว
1 min readกรุงเทพมหานคร- ตำรวจออกหมายจับ 5 รายแก๊งอุ้มรีดเงินนักธุรกิจชาวจีน พบเป็นตำรวจในราชการจำนวน 2 นาย อีกหนึ่งรายได้ออกจากราชการไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลืออีก 6 ราย อยู่ระหว่างการพิสูจน์ว่าเป็นตำรวจหรือไม่
พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล ประชุม ติดตามความคืบหน้าคดีขบวนการอุ้มรีดเงินชาวจีนในพื้นที่ย่านดินแดง
โดยพลตำรวจตรีนพศิลป์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา หลังกลุ่มชาวจีนผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในวันที่ 19 เมษายน หลังจากนั้นในวันที่ 25 เมษายน ก็ได้มารวมตัวกันที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องของหนึ่งในผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายทั้ง 5 คนได้มาพูดคุยกัน เพื่อจะหาทางแลกเงินสดเอาไว้ใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่ประเทศไทย จึงได้ติดต่อสาวชาวลาว ซึ่งมีเครื่องรูดบัตรเงินดิจิทัล แต่หลังจากสาวชาวลาวคนนี้มาที่ห้องของผู้เสียหายได้เพียงแค่ 8 นาที กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เดินทางเข้ามาที่โรงแรม ทำที มาขอเปิดห้อง ก่อนที่จะเข้าไปในห้องของผู้เสียหายแล้วแสดงตัวเป็นตำรวจ และอ้างว่ากลุ่มผู้เสียหายได้มีการกระทำความผิด จากนั้นจึงพาผู้เสียหายออกจากโรงแรมไปเพื่อข่มขู่รีดไถเงิน ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มผู้เสียหายยอมให้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง
หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหายมีการปรึกษากับเพื่อนชาวไทย ก่อนจะเข้ามาแจ้งความในวันที่ 29 เมษายน หลังจากนั้นชุดสืบสวนจึงได้ติดตามตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบว่ามีการกระทำความผิดความจริง โดยมีหนึ่งในผู้เสียหายเดินทางเข้ามาให้ปากคำในวันที่ 1 พฤษภาคม ส่วนอีก 4 คนได้เดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว หลังสอบปากคำผู้เสียหายเรียบร้อยตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยพบว่าเบื้องต้นภาพในวงจรปิดคาดว่ามีผู้ก่อเหตุร่วมกันประมาณ 11 คน ใช้รถยนต์ในการก่อเหตุจำนวน 4 คน จึงได้มีการดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย มีดาบบอส ที่ถูกจับได้แล้วที่หัวหน้าคณะทำงาน โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธว่า เป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพวงจรปิดจริง แต่ไม่ได้ร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนอีก 2 รายคือ สิบตำรวจเอกภูวเดช เด็กหลี ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 และจ่าสิบตำรวจวีรยุทธ เพชรรัตน์ สังกัดงานจราจร สน.พญาไท ซึ่งตอนนี้สามารถจับกุมสิบตำรวจเอกภูวเดชได้แล้ว โดยเจ้าตัวยังอยู่ระหว่างการถูกนำตัวมาสอบปากคำ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีคนชี้เป้า หรือทำหน้าที่เป็นนกต่อ ให้ข้อมูลกับผู้ต้องหา เนื่องจากว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีหลังจากที่สาวชาวลาวขึ้นไปบนห้องของผู้เสียหายแล้วเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในส่วนของผู้เสียหายที่ถูกนำตัวขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีเพียง 4 รายเท่านั้น ซึ่งอีก 1 คน ถูกพาขึ้นไปบนรถด้วย จึงได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียหายรายนี้ที่ไม่ได้ถูกพาไปรีดเงิน อาจจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการรีดซับของกลุ่มผู้ก่อเหตุ
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายจับโดยมีสองคนที่ยังอยู่ในราชการ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาลได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจที่กระทำความผิด จะต้องมีการพิจารณาความผิดทางวินัยต่อไป