“บิ๊กเต่า” รับแชทหลุด “เสี่ยโจ้” สนทนาตำรวจน้ำเป็นของจริง ด้านผู้การตำรวจน้ำเผยโพยจ่ายส่วย 1 ล้าน เป็นของเก่าเคยตรวจยึดแล้ว
1 min read“บิ๊กเต่า” รับแชทหลุด “เสี่ยโจ้” สนทนาตำรวจน้ำเป็นของจริง ด้านผู้การตำรวจน้ำเผยโพยจ่ายส่วย 1 ล้าน เป็นของเก่าเคยตรวจยึดแล้ว ขอความเป็นธรรม “เอนก” ขยายผลเตรียมออกหมายจับ ผู้บงการลักเรือน้ำมัน
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวน เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี กรณีการตรวจยึดเรือน้ำมันของกลาง
กรณีแชทหลุดที่ปรากฎในสื่อมวลชน จากการตรวจสอบ เชื่อได้ว่า แชทดังกล่าวเป็นแชทจริง โดยเป็นการสนทนาระหว่างข้าราขการตำรวจ 4-6 คน ซึ่ง 1 ในนั้น เป็นทหารเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับตัวเองก่อนที่จะมีการโอนย้ายไปเป็นตำรวจน้ำ ส่วนที่เหลืออีก 5 คน แบ่งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน รองผู้บังคับการสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน ผู้กำกับการน. 1 คน ยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตัวเองในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน อยากเรียกร้องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณา ว่าคณะกรรมการชุดใดจะมีความเหมาะสม
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยเรื่องโพยส่วย ที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการจ่ายเงิน ให้กับ 10 หน่วยงานซึ่ง 1 ในนั้นปรากฏ ข้อมูลว่ามีการจ่ายเงินให้กับผู้บังคับการตำรวจน้ำ 1 ล้านบาท ว่า เอกสารที่พบเป็นเอกสารเก่าที่เคยมีการตรวจยึดได้มานานแล้วเมื่อปี พ.ศ.2555 ที่มีการตรวจยึดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนจะจริงหรือไม่ ตัวเองไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากเป็นหน่วยงานของตัวเองแต่ยินดีให้หน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากตัวเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง จึงอยากขอความเป็นธรรม ส่วนกรณีที่มีข้าราชการตำรวจน้ำปล่อยให้เรือของกลางดังกล่าวหายนั้นจากการตรวจสอบพบ ข้าราชการ 3 นาย มีคงามบกพร่องทำให้ราชการเสียหายอย่างรุนแรง หลังจากนี้จะส่งผลสรุปให้ สำหรับน้ำมันของกลางที่ตรวจพบในเรือขณะนี้ พบว่าคงเหลืออยู่ที่ 18,000 ลิตร
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า คดีแรกเรือน้ำมันเถื่อนอยู่ในความรับผิดชอบของบก.ปอศ. และ อัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กองบังคับการปราบปรามมีหน้าที่ในการสืบสวนขยายผลและนำพยานหลักฐานไปสนับสนุนพยานหลักฐานในคดีที่บก.ปอศ. รับผิดชอบอยู่ส่วนคดีที่สองเกี่ยวกับเรื่องเรือหาย ทางกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ควบคุม วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 รายไปฝากขังเรียบร้อยแล้ว ส่วนการขยายผลผู้ต้องหาที่นำเรือทั้ง 3 ลำและน้ำมันไปขายเพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกองปราบกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นผู้สั่งการให้นำเรือ ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 3-4 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ส่วนจะมีนายจ. ด้วยหรือไม่ ขอไม่ระบุตัวบุคคลว่าเป็นใคร