“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าฟ้อง “กูรู” ยศพลตำรวจตรี 10 ล้าน ปมหมิ่นประมาท
1 min read“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าฟ้อง “กูรู” ยศพลตำรวจตรี 10 ล้าน ปมหมิ่นประมาท เตรียมทำความเห็นแย้ง“บิ๊กต่าย” กลับให้ ก.พ.ค.ตร. วันที่ 2 ก.ค.นี้
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ยศพลตำรวจตรี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีจงใจใส่ความพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ประชาชนเข้าใจผิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า กูรูท่านนี้ถือเป็นคนที่ 2 ที่ตัวเองฟ้อง และหลังจากนี้จะเดินหน้าฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรี โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมฝากเตือนกูรู ว่าการจะสัมภาษณ์อะไรโดยไม่รู้กฎหมายที่แท้จริง หากมากระทบสิทธิ ตัวเองก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะกูรูที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งไม่ควรพูดให้สังคมสับสน แต่ควรอยู่ให้เป็นที่เคารพสักการะของเด็กรุ่นใหม่ สำหรับสาเหตุที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ยอมเพิกถอนคำสั่ง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มองว่า อาจเพราะทำใจไม่ได้ ว่าทำผิดกระบวนการ จึงรู้สึกอายและไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเอง แต่เมื่อกฎหมายใหม่ออกมา ก็ควรยึดตามกฎหมายใหม่ โดยตัวเองจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือไม่นั้น มองว่าทุกวันนี้ก็สู้ตามหลักกฎหมาย ส่วนจะได้กลับหรือไม่ได้กลับก็ขึ้นอยู่กับหลักกฎหมาย ตัวเองไม่ได้ไปขอร้อง หรือร้องไห้ ให้นายกรัฐมนตรีหรือบุคคลใดมาช่วย เพียงแต่เดินตามหลักกฎหมาย โดยครั้งที่แล้วที่ถูกโยกย้ายไปช่วยสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าหนักกว่าครั้งนี้ เพราะต้องไปเป็นข้าราชการพลเรือน แต่ก็ไม่เคยขอให้ใครช่วยเช่นกัน
ส่วนการต่อสู้ดังกล่าว ยืนยัน ไม่ได้เป็นการต่อสู้กับองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการต่อสู้กับคนเพียงไม่กี่คนและแม้ว่าหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นจะเป็นผู้มีอำนาจ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งทุกวันนี้ตัวเองก็เหมือนโดนรุมกินโต๊ะจีนอยู่แล้ว ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่ก็ต้องต่อสู้ เพราะหากไม่ต่อสู้ก็คงต้องกลับบ้าน
ส่วนกรณีที่พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ทำหนังสือชี้แจงแย้งคำอุทธรณ์ของตัวเอง ส่งกลับไปให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. นั้น ทาง ก.พ.ค.ตร. ได้ส่งคำแย้งกลับมาแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และในวันอังคารที่จะถึงนี้ จะทำความเห็นแย้งส่งกลับไป ส่วนการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. จะแล้วเสร็จภายใน 30 วันตามที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าจะจบภายใน 120 วัน เพราะเป็นการพิจารณาตามข้อกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลพินิจ
สำหรับกรณีที่ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณะบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนว่า คำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ออกจากราชการ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน เรื่องนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มองว่า อาจารย์วิชา อาจเข้าใจผิด เรื่องคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัย โดยอาจจะดูข้อมูลแบบเร็ว ๆ ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพราะอาจารย์วิชาเป็นนักกฎหมายที่เก่ง และเป็นถึงอดีต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ย่อมรู้เรื่องกฎหมายดี แต่กฎหมายตำรวจ มีพ.ร.บ.เฉพาะ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับอาจารย์วิชา / ส่วนเหตุผลที่เลือกมายื่นฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้นั้น ก็เพราะสะดวก ใกล้บ้าน และใกล้สถานที่ออกกำลังกาย ยืนยันไม่ได้รู้จักบุคคลใดที่ศาลเป็นการส่วนตัว