DSI ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวจับกุมผู้ต้องหานำเข้ารถหรูหลบเลี่ยงภาษี มูลค่าความเสียหาย 50 ล้านบาท
1 min read
วานนี้ (วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2567) เวลาประมาณ 17.15 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุม นางจิดาภา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา ในฐานะนิติบุคคล บริษัท แห่งหนึ่ง และในฐานะส่วนตัว ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 935/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่บริเวณชั้นล่างใต้อาคาร แห่งหนึ่ง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาแล้ว รวมทั้งแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษและได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบ รวมทั้งได้แจ้งพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี และนายอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีแล้ว จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีพิเศษดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 24/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งมีพันตำรวจโท ชลภัทร ปานสกุล เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบ โดยบริษัท สปิดี้คาร์ จำกัด ได้นำเข้ารถหรู จำนวน 25 คัน ชำระภาษีอากรขาดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการตามกฎหมายและจะทำการสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดในอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป