“อ.อ๊อด” ร้อง อว. ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของ สว.
1 min readจากกรณีที่ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา หรือ หมอเกศ มอบหมายให้ ทนายเดชา และอาจารย์ที่ปรึกษา 2 คนแถลงข่าวแจงปมวุฒิปริญญาเอกที่ได้มาจาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และให้ทนายเดชาฟ้องหมิ่นประมาท คนที่ออกมาแฉเรื่องนี้ 3 คน 1 ในนั้นเป็นนักวิชาการท่านหนึ่งนั้น
วันนี้ (15 ก.ค.67) รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา และทีมงาน ได้ยื่นหนังสือให้กับนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อให้ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของ พญ.เกศกมล เนื่องจากทําให้สังคมสับสนว่า เป็นการได้ตําแหน่งมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือ เป็นเพียงการเทียบ วุฒิจากสถาบันเทียบวุฒิที่ต่างประเทศคือ บริษัท California University FCE ซึ่งไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา ดังนั้นการกล่าวอ้างในการแถลงข่าวที่นําตําแหน่ง ศาสตราจารย์ ดังกล่าวมาใช้นําหน้าชื่อ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นํามาซึ่งการ เข้าใจผิดของสังคมในวงกว้าง เพราะทางสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่ได้รับรองสถานะ รวมถึงอาจขัดต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ด้วย เหตุสําคัญ อีก ประการหนึ่ง คือ ตําแหน่งทางวิชาการระดับ “ศาสตราจารย์” ในประเทศไทย หลังจากผ่านการ ประเมินผลงานวิชาการโดยเข้มงวดแล้ว จะต้องได้รับการพิจารณาเห็นชอบจาก สภามหาวิทยาลัย แต่ละแห่งแล้วนําความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระชาชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศแต่งตั้งใน ราชกิจจานุเบกษา ให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบสถานะใน ตําแหน่ง ศาสตราจารย์ บุคคลนั้นจึงจะสามารถใช้ประกอบคํานําหน้าชื่อได้ถูกต้องตามกฏหมาย ดังนั้น กรณนี้ ที่มีบุคคลแอบอ้างได้ใช้คําในต่าแหน่ง “ศาสตราจารย์” เพื่อสื่อต่อสาธารณะให้ประชาชนคนไทย เกิดความเข้าใจ ว่า “มีตําแหน่งทางวิชาการ ระดับ ศาสตราจารย์” อันเป็นการกระทําที่หมิ่นต่อ สถานะตําแหน่งทางวิชาการ จึงขอให้ทางกระทรวง อว.ในฐานะผู้ดูแลและรับผิดชอบโดยตรง เร่งตรวจสอบเพื่อดํารงไว้ซึ่งความถูกต้องและแจ้งให้สาธารณะชนทราบต่อไป
โดยนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับเรื่องไว้ในเบื้องต้น พร้อมกับกล่าวว่า ในส่วนของการให้ตำแหน่งทางวิชาการที่ได้มาจากประเทศต่างๆจะมีระบบที่ต่างกัน ในส่วนแวดวงทางวิชาการ จะมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ได้รับตำแหน่งทางสิชาการจากต่างประเทศมาก็จะมาขอเทียบตำแหน่งกับทางกระทรวงก็มีหลักเกณฑ์อยู่ เมื่อได้รับการเทียบแล้วถึงจะไปดำเนินการตามกระบวนการคือจะได้รับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยทั่วไป ส่วนเรื่องของการให้ใช้ชื่อตำแหน่งทางวิชาการ หากได้มาถูกต้องก็มีสิทธิใช้ชื่อได้ แต่ถ้าจะมาขอเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษา อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็จะต้องมีขั้นตอนในการเทียบ เพื่อเข้ารับการรับรองและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงจะต้องมีผลงานวิชาการ และได้รับการตีพิมพ์ในต่างประเทศและมีการอ้างอิงที่ชัดเจนด้วย
ทั้งนี้ อ.อ๊อด ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม สำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่ผ่านการเทียบลักษณะนี้ก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีคนเทียบเอาวุฒิแต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการทำธุรกิจและสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง แต่มองว่าหากจะนำตำแหน่งทางวิชาการไปใช้ในระบบราชการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน ส่วนกรณีที่ว่า หลังจากนี้หากพบว่าตำแหน่งวิชาการได้มาโดยมิชอบ และนำมาใช้ในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจะเดินหน้าเอาผิดและให้ผลจากตำแหน่งหรือไม่ อาจารย์อ๊อดก็บอกว่า ตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นตอนการรายงานตัว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่รัฐสภาพิจารณา อีกทั้งทราบว่ามีคนร้องเรียน กกต. ไปแล้วซึ่งตัวเองขอรอดูผลการตรวจสอบก่อนถ้าเกิดบุคคลนี้หลุดเข้าไปนั่งในตำแหน่ง สว.จริง ก็จะเดินหน้าเอาผิดอีกที ส่วนที่ฝั่งทนายความของ สว.ที่ถูกร้องเรียนขู่ฟ้องปิดปากคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม อาจารย์อ๊อดบอกว่าภายในอาทิตย์นี้ตัวเองจะไปยื่นให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของทนายคนดังกล่าวด้วยเนื่องจากมีพฤติกรรมยุยงให้เกิดเป็นคดีความ พร้อมฝากไปถึงคณะกรรมการมรรยาท สภาทนายความให้พิจารณาสองคดีที่ตัวเองเคยร้องเรียนก่อนหน้านี้ด้วย
ขณะที่ ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ตำแหน่งศาตราจารย์ระดับ 11 คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ข้อมูลว่า ตามปกติแล้วคนที่จะได้ตำแหน่งวิชาการศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาจารย์มาก่อน จากนั้นก็จะมีลำดับขั้นตอน ทั้งการเรียนการสอนยื่นผลงาน ทำวิจัย ทำหนังสือตีพิมพ์ ระดับนานาชาติ รวมถึงต้องมีคณะกรรมการประเมินอย่างเข้มข้น อย่างตัวเองใช้เวลาถึง 7ปี ถึงจะได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์ พอเห็นข่าวก็รู้สึกบั่นทอนจิตใจจึงขอวิงวอนให้ทางกระทรวงออกมาตรวจสอบเรื่องนี้