บช.ก. ปฏิบัติการ Takedown Mafia Ep2 มือปืนลายคราม
1 min read
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 สิงหาคม ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว
ผกก.6 บก.ป.,พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย
รอง ผกก.6 บก.ป.และพ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง
สว.กก.6 บก.ป. ร่วมเเถลงข่าวเปิดปฏิบัติการ Takedown Mafia Ep2.: มือปืนลายคราม
พ.ต.ท.สวรรยา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 66 เวลาประมาณ 19:00 น. ได้มีกลุ่มคนร้ายร่วมกันก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนสงครามอย่างน้อย 3 กระบอก ระดมยิงนายวิโรจน์(สงวนนามสกุล)ที่ขับขี่รถแทรกเตอร์ออกมาจากแปลงไม้บนเขา ถึงแก่ความตาย ที่บริเวณถนนภายในสวนยางพารา บ้านปาล์ม 4 ม.3 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล ต่อมา มารดาผู้ตายเห็นว่าคดีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงมาร้องเรียนต่อตำรวจกองปราบ ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้และเชื่อว่ามีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังกลุ่มมือปืนกลุ่มนี้ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. ทำการสืบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาชีพรับซื้อไม้ยางพาราโดยประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ อ.มะนัง จ.สตูล ซึ่งช่วงประมาณเดือน ต.ค. 66 ผู้ตายมีประเด็นปัญหาขัดแย้งเรื่องงานตัดไม้กับนายสมเกียรติ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ ถึงขั้นขู่จะฆ่ากัน จนเป็นเหตุให้นายสมเกียรติ ไปว่าจ้างกลุ่มมือปืนในพื้นที่ จ.พัทลุง มาก่อเหตุยิงผู้ตายและจากการสืบสวนยังทราบว่า มือปืนที่มาร่วมกันก่อเหตุยิงผู้ตาย ได้แก่ นายพศิน(สงวนนามสกุล)กับพวก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งร่วมกันลงมือก่อเหตุคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ นายพศิน เป็นอดีตนายกเทศมนตรีแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง ซึ่งมีประวัติต้องโทษคดีฆ่าและครอบครองอาวุธปืนมาก่อน และยังมีข้อมูลยืนยันว่า ซุ้มมือปืนของนายพศิน มีความสัมพันธ์กับกลุ่มของนายไพฑูรย์ ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. จับกุมตัวมาดำเนินคดีไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค. 67 โดยเปิดเป็นปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIAEp.1 ปิดล้อมตรวจค้น 11 จุด ในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.สงขลา สามารถติดตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 9 ราย และจากการสืบสวน ยังทราบอีกว่านายรีด(สงวนนามสกุล) หนึ่งในกลุ่มมือปืน หลังจากก่อเหตุยิงผู้ตายในคดีนี้แล้ว เมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค. 66 ก็ได้ร่วมกันกับพวกไปก่อเหตุยิงนายธวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ในพื้นที่ จ.ชุมพร เสียชีวิตอีกราย
จากตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งในคดีนายประศาล, คดีนายธวัฒน์ และคดีนายวิโรจน์ ต่างก็เป็นอาวุธปืนสงครามชนิดเดียวกันที่กลุ่มคนร้ายใช้ คือ อาวุธปืนอาก้า ร่วมกับอาวุธปืน M16 ซึ่งบ่งบอกได้ว่า ซุ้มมือปืนที่ก่อเหตุทั้งสามคดีนี้ มีความเชื่อมโยงกันและก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดพื้นที่ ตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง มีความชำนาญในการใช้อาวุธสงครามเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการรับงานจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIA Ep.2 ในวันที่ 6 ส.ค. 67 โดยเจ้าพนักงานตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล., บก.ปทส. และ บก.รน. ปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ 14 จุด ในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.สตูล เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มมือปืนที่ร่วมกันก่อเหตุยิงนายวิโรจน์ ตามที่ศาลได้อนุมัติหมายจับไว้ ร่วมทั้งตรวจค้นกลุ่มบุคคลในเครือข่ายซุ้มมือปืนนี้ ซึ่งผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 4 ราย คือ1.นายสมเกียรติ อายุ 49 ปี,2.นายพศิน อายุ 63 ปี, 3.นายทวี (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี และ 4.นายรีด โดยนายพศินและนายรีด มีความผิดในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร์ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์” นายสมเกียรติ มีความผิดในข้อหา“เป็นผู้ใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”และนายทวีมีความผิดในข้อหา“สนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
จากการสอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นนายสมเกียรติ,นายพศินและนายทวี ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายรีด ถูกจำคุกในคดีฆ่าอยู่ในเรือนจำ จ.ชุมพร จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาปีที่ผ่านมาเราทลายซุ้มมือปืนไปแล้วหลายแก๊งค์และต้องทำต่อเนื่องเลยที่ผ่านมาตำรวจในพื้นที่อาจจะยังไม่มีประสิทธิ์ภาพในการปราบปรามเนื่องจากมีเรื่องของผู้มี อิทธิพลในท้องถิ่นเข้ามาพัวพัน โดยในปัจจุบันทางบช.ก ประชุมและประสานงานกับทางพื้นที่ในการเข้าไปกวาดล้าง ซึ่งตนเชื่อว่าเราทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆกลุ่มแก๊งค์เหล่านี้จะน้อยลงไปเอง