เดือด! “ทนายธรรมราช” ออกตัวแรง ท้าหลวงพี่”น้ำฝน ” จับพระปีนเสาระวังเจอสวน “ทนายพจน์”เตือน วัดไหนรับไว้ระวังผิดด้วย
1 min readทนายธรรมราช ออกตัวแรงรับช่วยดูแลกฎหมายพระปีนเสา ถามหลวงพี่น้ำฝนผ่านไลฟ์ใช้อำนาจอะไรจะบุกจับสึกระวังเจอสวน ขณะทนายพจน์ชี้มีข้อมูลปูด พระปีนเสาย่องทำสูติบัตรย้ายออกจากวัดสามชุก แต่ถูกระบุไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส ตั้งธงวัดไหนรับไว้หากควบคุมไม่ได้เจ้าอาวาสจะกลายเป็นผู้กระทำผิดเองฐานเป็นเจ้าพนักงาน
วันที่ 17 พฤศจิกายน 67 จากกรณีประเด็นข่าว พระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือ ฉายา “พระปีนเสา” ได้ตกเป็นประเด็นในการถกเถียงของสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นที่จับตาเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวและมีการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดสามชุก ซึ่ง ล่าสุดได้มีหนังสือสั่งให้พ้นจาก ต้นสังกัดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยในกระแสสังคมได้มีการถกเถียงถึงเรื่องดังกล่าวว่าถึงเวลาที่จะต้องทำการจับสึกหรือไม่
โดยล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality. ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.7แสนคนได้มีการขึ้นหัวข้อไลฟ์สด โดยใช้หัวข้อว่า “เคลียร์ทุกประเด็นทนายธรรมราช The Lawyer of legality.” ซึ่งมีทนายพัฒน์ ร่วมไลฟ์ผ่าน โซเชียล tiktok ทนายพัฒน์ช่องสอง ซึ่งได้มีการซักถามถึงประเด็นต่างๆที่ของ พระครูปลัดธีระฯ หรือพระปีนเสา ซึ่งได้ถูกหนังสือสั่งให้พ้นจากสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยในเนื้อหาได้มีการถามข้อมูลอย่างเข้มข้นในหลายประเด็น
ซึ่งทนายธรรมมราช ได้มีการเจาะจงตั้งคำถามและข้อสงสัยไปยังพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ว่าอาจจะมีการกระทำผิดในมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเนื่องจากมีบทบาทเป็นเจ้าพนักงาน และการกระทำความผิดของพระปีนเสา ก็ยังต้องมีกระบวนการในการแจ้งความและตั้งอธิกรณ์ในการสอบปากคำเพื่อชี้มูลความผิดก่อน ไม่สามารถตัดสินและสามารถจับศึกได้ นอกจากนี้ยังได้มีการโต้แย้งเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสูงและคำสั่งของมหาเถระสมาคมในข้อต่างๆ อีกหลายประเด็นแต่เจาะจงเน้นอยู่ของกรณีพระปีนเสา
โดยในการไลฟ์สดเมื่อคืนวานนี้ ทนายธรรมมราช ได้แสดงความเห็นทั้งข้อกฎหมายและกฎของมหาเถรสมาคมและพรบ.คณะสงฆ์ ว่าพระปีนเสายังไม่ได้ถือว่ามีมีความผิดถึงขนาด จะต้องทำการสึก โดยหากจะทำการสึกจะต้องทำผิดร้ายแรง ในกฏปาราชิก 4 ประกอบด้วยการเสพเมถุน การลักทรัพย์ การฆ่าคนตาย การอวดอุตริ ซึ่งได้มีกลุ่มคนซึ่งไม่ใช่ หลวงพี่น้ำฝนได้ออกมาประกาศว่าจะมีการติดตามตัวจับพระปีนเสามาทำการสึก หลังจากมีหนังสือขับให้พ้นออกจากวัดถามว่าเรื่องนี้ทำได้จริงหรือไม่
“ผมถามหลวงพี่น้ำฝน ด้วยความเคารพว่า ท่านได้อ่านกฎของมหาเถรสมาคม มาตรา 21 ปี 2538 ได้ครบถ้วนหรือไม่ และการที่เจ้าอาวาสวัดสามชุกมีการออก คำสั่งให้พระปีนเสาพ้นจากวัดสามชุก มีคนไปกดดันเจ้าอาวาสหรือเปล่า ผมเชื่อว่ามีคนไปกดดันเจ้าอาวาสให้มีการเซ็นหนังสือออกมา เพราะคำสั่งเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ยังไม่ครบเจ็ดวันตามคำสั่ง แต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ได้มีหนังสือครับให้พระปีนเสาพ้นจากวัดสามชุก ซึ่งความเป็นจริงจะต้องมีการตั้งอธิกรขึ้นมาก่อน และที่มีการประกาศว่าจะมีการตามจับตัวมาสึก ผมบอกไว้เลยว่า ใครจะเข้าไปจับท่านระวังท่านจะสวนกลับด้วย เพราะเป็นการป้องกันตัวโดยชอบ และตอนนี้ก็มีคนดูแลท่านอยู่ ขอถามหลวงพี่พี่น้ำฝนว่า ท่านยังเป็นพระอยู่หรือเปล่ายังเป็นคนอยู่ไหม” ทนายธรรมมราช ตั้งคำถามในไลฟ์สด
นอกจากนี้ในหัวข้อของการไลฟ์ยังมีการพูดถึง ประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในมาตรา 21 ซึ่งให้ความเห็นว่าเป็นการตั้งกฎข้อนี้สำหรับพระเร่ร่อน แต่สำหรับกรณีพระปีนเสา ยังถือว่าเป็นที่ยังไม่สิ้นสุดเพราะยังมีโอกาสและมีห้วงเวลาในการหาวัดสังกัดได้ และตอนนี้ก็มีที่พำนักโดยในระเบียบก็ยัง ระบุว่าวัดหรือสถานปฎิบัติธรรมก็ยังถือว่ามีที่อยู่อาศัย และสำหรับกรณีดังกล่าว หากมีการผิดจริงก็ให้หลวงพี่น้ำฝน ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพระปีนเสา ซึ่งในทางกฎหมายสิ่งที่หลวงพี่น้ำฝนกระทำลงไป ถือว่าผิดต่อมาตรา 157 เพราะถือว่าเป็นเจ้าพนักงานด้วย
ทนายธรรมราช ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ได้ติดต่อประสานงานอยู่กับพระปีนเสา แต่ยังไม่ได้สอบถามว่าไปที่ใดและในอนาคตก็น่าจะมีการติดต่อกัน โดยยังชี้ว่าหากจะดำเนินการเอาผิดกับพระปีนเสาก็จำเป็นจะต้องดำเนินการทางด้านกฎหมายซึ่งเจ้าตัวเมื่อถูกกล่าวหาก็มีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์หรือฎีกาได้ และยังมีสิทธิ์ไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อคุ้มครองและหาข้อเท็จจริงต่อไปโดยยังมีห้วงเวลาไม่ใช่จะมีการจับสึกโดยทันที ซึ่งหากหลวงพี่น้ำฝนจะติดตามไปจับกุมและทำการศึก ก็อาจจะผิดกฎหมายได้ ส่วนผู้ติดตามก็อาจจะถูกข้อหาเป็นผู้ร่วมสนับสนุน และยังถามไปว่าหลวงพี่น้ำฝน ได้อ่าน กฏมหาเถระสมาคมได้ละเอียดหรือไม่อย่างไร
ต่อมา นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความ ในนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องขอบอกกับทนายธรรมราชว่า ท่านอาจจะยังไม่หายเมาหมัด ว่าท่านอาจจะยังไม่ได้ดูข้อกฎหมายทั้งในเรื่องของพรบ.คณะสงฆ์ หรือกฎของมหาเถรสมาคม ที่ได้ออกมาพูดแสดงความเป็นห่วงหลวงพี่น้ำฝนว่าอาจจะกระทำความผิดมาตรา 157 ต้องขอเรียนแจ้งว่าพระสงฆ์ที่จะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเป็นเจ้าพนักงานนั้นหมายถึงเจ้าอาวาส ตามมาตรา 54 แห่งพรบ.คณะสงฆ์ ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนท่านไปดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานพระวินยาธิการ ภาค 14 ไม่ได้ดำเนินการในฐานะเป็นเจ้าอาวาสฉะนั้นท่านไม่เกี่ยวข้อง ประการที่สองที่ท่านได้ไปตรวจสำนักปฏิบัติธรรมเถื่อน ที่อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐมนั้น ท่านไปเพราะการร้องขอของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สังกัดกอ.รมน. เพราะว่าสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้มีการรายงานให้เจ้าคณะตำบลได้ทราบหรือมีการอนุญาตให้จัดตั้ง และหลวงพี่น้ำฝนเป็นประธานพระวินยาธิการ ภาค 14 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะภาค14 และได้รับความเห็นชอบจากมหาเถระสมาคม ซึ่งท่านทนายธรรมมราช ท่านนามสกุลสาระปัญญาใช่ไหมครับ ก็อยากให้ท่านมีสาระเหมือนนามสกุลของท่านด้วย
ทนายพจน์ยังกล่าวอีกว่า ขอฝากถึงพระปีนเสาครับ หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุกมีหนังสือขับท่านให้พ้นจากวัดสามชุก ท่านก็ได้มีการไปไลฟ์สดบอกว่ากระบวนการล้มล้างพระพุทธศาสนาทำลายพระพุทธศาสนาซึ่งได้มีการระบุชื่อด้วยทั้งท่านกันต์จอมพลัง หลวงพี่น้ำฝน และผมทนายพจน์ ต้องขอบอกว่าผมไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปทำลายพระพุทธศาสนาได้ แต่ท่านต้องมองกลับไปที่ตัวเองก่อน เข้าทำนองที่ว่าก่อนจะโทษ ตัวเองให้โทษคนอื่นก่อน เพราะพฤติกรรมของตัวท่านเองมันไม่ได้เพิ่งเกิดแต่มันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เพราะท่านได้ถูกขับออกมาจากวัดทั้งหมดแล้ว 5 วัด วัดสุดท้ายก็คือที่วัดสามชุกนี่เอง ท่านต้องสำรวจตรวจสอบตัวเองก่อนว่าพฤติกรรมของตัวท่านเองเป็นอย่างไร
” ผมจะขอพูดในฐานะที่ผมเคยบวชมาก่อนและมีประสบการณ์อยากจะให้ท่านธรรมราชนำพระปีนเสา ไปตรวจสุขภาพจิตดูก่อนสักวัน ด้วยความเป็นห่วง แต่ไหนไหนไปแล้วตัวท่าน ท่านธรรมมราชท่านจะตรวจด้วยก็ดีเหมือนกันครับ”
ทนายพจน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ได้ทราบข่าวมาว่าพระปีนเสาได้เข้าไปพบกับทางเจ้าคณะอำเภอสามชุก และได้มีการให้ลงนามพ้นจากวัดตามหลักการ แต่ทราบว่า สาเหตุของการสั่งขับให้พ้นออกจากวัดสามชุกถูกระบุว่า เหตุที่ย้าย ถูกสั่งให้ผลจากสังกัด ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เนื่องจากไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าท่านต้องหาวัดอยู่ให้ได้ภายใน 3 วัน หลังจากขาดจากต้นสังกัด ซึ่งหากนับตามหลักการ ขั้นสิ้นสุดก็จะไปอยู่ที่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 หลังจากนั้นเจ้าคณะผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดในเขตปกครอง ในพื้นที่ที่พบเห็นและยังไม่พบว่าหาสังกัดวัดอยู่ได้ก็สามารถที่จะให้สละสมณเพศได้ หากยังดื้อดึงก็สามารถที่จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทำการให้สละสมณเพสได้ และหากยังดื้อดึง ก็มีมีโทษมาตรา 43 แห่ง พรบ.คณะสงฆ์แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ว่าผู้ใดขัดขืนในมาตร 21 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หากใน 3 วันไม่สามารถหาสังกัดวัดได้ ผู้ใดพบเห็นก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษได้เลย “
ทนายพจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีเรื่องของวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ท่านบอกว่าคำสั่งของท่านเจ้าอาวาสทำไปโดยไม่ชอบเพราะได้มีคำสั่งให้ท่านกลับไปพบเจ้าอาวาสภายในเจ็ดวัน และเมื่อยังไม่ครบเจ็ดวัน วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ท่านได้มีคำสั่งให้พ้นสภาพจากสังกัดวัดสามชุกแล้ว หรือไม่ขอแจ้งว่าท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุก ทำไปด้วยความชอบธรรมตามกฎมหาเถระสมาคม ซึ่งท่านไม่ได้ออกหนังสือเนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งภายใน 7 วัน แต่ท่านออกคำสั่งด้วยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 38 อนุมาตร 2 ว่าด้วยเจ้าอาวาสมีอำนาจในการสั่งให้คฤหัสถ์ หรือ บรรพชิต ท่านสั่งให้พ้นวัดด้วยมาตรานี้
ทนายพจน์ กล่าวต่อว่า ผมขอฝากไปยังทนายธรรมราชและพระปีนเสา ให้เข้าใจว่าหลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุกได้มีคำสั่งให้พระปีนเสาพ้นจากวัดสามชุกแล้ว พระปีนเสาก็กลายเป็นพระที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีวัดในสังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง ตามอนุมาตรา 3และ4 มาตรา 27 แห่งพรบ.คณะสงฆ์ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ตรงนี้แล้ว วรรคต่อมาระบุว่าให้ภิกษุนั้นสละสมณเพศ ส่วนวิธีการนั้นให้เป็นไปตามกฎของมหาเถระสมาคม ว่าไว้ในในกฎมหาเถระสมาคม ฉบับที่ 21 พ.ศ.2538 บัญญัติไว้ในข้อ 3 อนุมาตรา2 กฎข้อนี้มีไว้ให้ผู้ที่มีอำนาจคือเจ้าคณะผู้ปกครอง ประกอบด้วยเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบลเจ้าคณะอำเภอสั่งให้สละสมณเพสได้ และการอุทธรณ์ฎีกาจะมีได้หรือไม่ ตามกฎข้อ 5 ให้วินิจฉัยตามอนุมาตรเมื่อสักครู่นี้ถือเป็นที่สุดไม่สามารถโต้แย้งได้ และมีบัญญัติไว้ใน ข้อ 7 ก็ระบุไว้ว่าต้องทำภายใน 3 วัน หากหาสังกัดยังไม่ได้ เจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้นก็สามารถจะทำการ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการดำเนินการให้สละสมณเพสได้
ทนายพจน์ ยังกล่าวเสริมว่าล่าสุด ได้ทราบว่าได้มีหนังสือเวียนไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศในการจะรับพระเข้าอยู่ในสังกัดโดยเฉพาะพระปีนนเสา ที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ซึ่งขอเตือนว่าหากท่านรับไว้ในสังกัดแล้วแล้วควบคุมไม่ได้ ท่านอาจจะมีความผิดในมาตรา 54 ได้เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสซึ่งมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานซึ่งไม่สามรถควบคุมดูแลได้ ซึ่งทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย คณะสงฆ์ทั่วประเทศก็ดีก็ยังจับจ้องอยู่ หากมีการปล่อยให้ไปประท้วงและเดินทางไปยังที่ต่างๆ ปีเสาก็ดี หรือไปไลฟ์สดด่าพ่อล่อแม่กับญาติโยมก็ดีท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นๆ ก็อาจจะตกเป็นผู้กระทำความผิดได้ฐานไม่ควบคุมดูแลพระในสังกัดได้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้โทรประสานขอสัมภาษณ์หลวงพี่น้ำฝน ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งได้ตอบกลับว่ากำลังติดภารกิจด้านศาสนกิจอยู่ไม่สะดวกและยังไม่ให้สัมภาษณ์บอกเพียงสั้นสั้น อาตมาเป็นพระไม่สามารถไปทะเลาะกับฆราวาสได้ และทนายธรรมราช ไม่เคยรู้จักมาก่อน เคยเห็นข่าวเพียงถูกตบอยู่ที่หน้ากองปราบเท่านั้น