ชลบุรี “อนุทิน” รมว.มหาดไทยมอบรางวัล “สำเภาทอง” ปี2567 พร้อมรับมอบสมุดปกขาวจากหอการค้า ย้ำภาครัฐร่วมเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-ขึ้นค่าแรงตามมติไตรภาคี
1 min read
นายอนุทินชาญวีรกูลรองนายกฯและ รมว.มหาดไทยเป็นประธานมอบรางวัลสำเภาทองในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 42 ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีนายธวัชชัย ศรีทองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีนายสนั่นอังอุบลกุลประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับที่ ณ NICE HALL ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา (NICE) ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
นายอนุทิน ชาญวีรกูลได้มอบรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทองปี 2567แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 22 คน โดย“รางวัลสำเภาทอง” หอการค้าไทยเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีส่วนร่วมกับภาคเอกชนในการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นกำลังใจและเป็นเกียรติแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มุ่งเน้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆมีโอกาสเข้าร่วมใน 4 มิติ ประกอบด้วย มิติด้านความร่วมมือและการมีส่วนร่วมด้านการสนับสนุนการดำเนินงานของหอการค้าจังหวัดด้านการบริหารราชการจังหวัดและด้านความสัมพันธ์และทัศนคติถือเป็นผู้ที่มีผลงานการขับเคลื่อนด้านการปรับปรุงกระบวนการทำงานภาครัฐในพื้นที่ที่สามารถอำนวยความสะดวกแก่เอกชน ดูแลด้านเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างโดดเด่น
จากนั้นนายอนุทินชาญวีรกูลได้กล่าวปาฐกถาในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล พร้อมรับสมุดปกขาวหอการค้าไทยปี2567ซึ่งเป็นข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ได้จากข้อสรุปการสัมมนา 3 วันระหว่างวันที่ 22-24พ.ย. ในประเด็นต่าง ๆที่เอกชนเสนอให้รัฐบาลขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตระหนักถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ สนับสนุนเอกชนให้ได้รับความสะดวกในการประกอบธุรกิจแต่ละจังหวัดมีคลัสเตอร์ที่จะต้องผลักดันขับเคลื่อนรวมถึงการมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ ซึ่งมีความสำคัญในการดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังต้องการฟื้นฟูอย่างที่หอการค้าระบุว่าต้องโตอย่างน้อย 3%การสนับสนุนจากภาครัฐก็เป็นส่วนสำคัญและขอยืนยันว่า เมื่อได้รับสมุดปกขาวหอการค้าไทยแล้วจะได้นำไปเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป
สำหรับสมุดปกขาวหอการค้าไทยปี2567ได้ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจปี 2568จะโตไม่ต่ำกว่า 3%และมีข้อเสนอ 3 ข้อเสนอหลักเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน คือ1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ 2.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และ 3.การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
ส่วนนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศที่ภาคเอกชนขอให้เป็นตามคณะกรรมการไตรภาคีนั้น ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่สามารถแทรกแซง การทำงานของคณะกรรมการไตรภาคีได้ แม้รัฐบาล จะมีนโยบายในการปรับขึ้นค่าแรงก็ตามโดยรัฐบาลเคารพมติของคณะกรรมการไตรภาคีที่ออกมา
วิศาล แสงเจริญ
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชลบุรี