ตำรวจบุกจับหัวหน้าแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีน จ้างคนไทยวางซิมบ๊อกซ์ในห้องเช่า กรุงเทพฯ-ปริมณฑล”

ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธร 1 นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายชุนเซินเหลียว สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพระประแดง ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง , คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และ เครื่องบันทึกวงจรปิด 2 เครื่อง ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง

โดยตำรวจได้สืบทราบว่านายชุนเซินเหลียว คือผู้จ้างวานคนไทยทั้ง 4 คน ให้เปิดห้องพักเพื่อนำ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด หรือ ซิมบ๊อกซ์ เข้าไปติดตั้งสัญญาณ โดยจะให้เงินค่าจ้างการเปิดห้องเป็นบุคคลอื่น เมื่อหาคนมาเปิดห้องได้แล้ว จะแจ้งข้อมูลให้เพื่อนส่งพัสดุเป็นซิมบ๊อกซ์ มายังหอพัก ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จากนั้นจะมีผู้ต้องหาคนไทย 4 คน ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เข้าไปทำการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อให้ส่งสัญญาณจากต่างประเทศได้

จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การว่ารู้จักกับนายองอาจ 1 ใน 4 ผู้ต้องหา ในเรือนจำเนื่องจากตัวเองเคยต้องโทษในประเทศไทย เมื่อพ้นโทษออกมาก็ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งมีการเสนองานให้ทำในการจัดหาห้องเช่าเปิดเพื่อนำซิมบ๊อกซ์ไปใส่ไว้ หลังจากนั้นจะให้เพื่อนมีคนที่อยู่ต่างประเทศเป็นคนส่งซิมบ๊อกซ์จากประเทศจีน และ กัมพูชา มาทางพัสดุ ซึ่งนายองอาจจะเป็นคนเข้าไปติดตั้ง โดยมีการวีดีโอคอลสอนวิธีการติดตั้งทั้งหมด เมื่อทำงานเสร็จจะโอนเงินมาให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลก่อนจะนำมาแจกจ่ายให้กับลูกจ้างคนไทยทั้ง 4 คน

สำหรับนายชุนเซินเหลียว ถือเป็นตัวการใหญ่ของขบวนการคอลเซนเตอร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นผู้คุมพนักงานคอลเซนเตอร์ หลายสัญชาติที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยสถานที่ทำงานจะแบ่งเป็นชั้น ๆ ในแต่ละชั้นจะถูกแบ่งออกเป็นแต่ละประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และ ไทย นายชุนเซินเหลียวทำหน้าที่ดูแลกลุ่มพนักงานคอลเซนเตอร์ที่หลอกลวงคนไทย และ ไต้หวัน ซึ่งจะมีค่าจ้างและหากหลอกผู้เสียหายได้สำเร็จจะมีโบนัสให้

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน พบว่านายชุนเซินเหลียว มีประวัติคดีฉ้อโกง คดี บัญชีม้า//คอลเซนเตอร์ และถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกงที่ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ทางการไต้หวันต้องตัว และเคยถูกดำเนินคดี ร่วมกันฉ้อโกง ปลอมบัตรเครดิต ศาลพิพากษา จำคุก เรือนจำคลองเปรม 10 ปี พ้นโทษเมื่อปี 2563

โดยหลังจับกุมชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ก่อนควบคุมตัวำปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรพระประแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย