ปทุมธานี ตร.เตรียมออกหมายเรียกเจ้าของหอ หลัง นศ.ม.ดัง ร้อง “โหนกระแส” ถูกเจ้าของหอรื้อกระเป๋ายึดเอกสารสำคัญ
1 min read
จากกรณี มีหญิงรายหนึ่งร้องเรียนมาทางเพจโหนกระแส โดยแจ้งว่า หลานชายซึ่งเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกเจ้าของหอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี รื้อค้นกระเป๋า และยึดเอกสารไป โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา
โดยหญิงผู้ร้องเพจโหนกระแส ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า ขณะที่หลานชายของตนกลับจากต่างจังหวัดและเข้าไปที่หอพัก เพื่อเข้าห้องไปเอาเอกสารสำคัญในการผ่อนผันทหารและอุปกรณ์อื่นๆในการสอบ แต่พอหิ้วกระเป๋าลงมาจากห้อง ก็เจอกับป้าเจ้าของหอ พร้อมถามหลานตนว่า “จะย้ายออกแล้วเหรอ” หลานชายตนก็ตอบว่า “ใช่ครับ” ซึ่งก่อนหน้านี้ พี่สาวตนซึ่งเป็นแม่และหลานชายเคยโทรไปแจ้งเจ้าของหอไว้แล้วว่าจะย้ายออก แต่เจ้าของหอก็พูดกลับมาว่า “จะออกได้ยังไง ไม่เห็นแจ้งอะไรเลย” จากนั้นเจ้าของหอก็โทรแจ้งลูกสาวของเขาให้มาตรวจห้อง ซึ่งหลานตนก็วางกระเป๋าไว้ที่ชั้นล่าง จากนั้นก็ขึ้นไปตรวจห้องกับลูกสาวเจ้าของหอ
แต่พอตรวจห้องเสร็จ แล้วเดินลงมาชั้นล่าง หลานตนก็เห็นเจ้าของหอกำลังรื้อกระเป๋าและหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าไปไว้ในห้องตัวเอง ซึ่งลูกสาวของเจ้าของหอก็เห็น ซึ่งหลานตนก็งงว่า เจ้าของหอมีสิทธิ์อะไรมาค้นกระเป๋าแล้วยึดเอกสารราชการ ทั้งบัตรประชาชน ใบขับขี่ ไอแพดและอุปกรณ์การสอบไปทำไม พร้อมให้หลานตนโทรหาแม่เขาโดยบอกให้แม่ของหลานโอนเงินมา 15,000 บาทถึงจะคืนเอกสารให้ ตอนนั้นหลานตนก็กลัวไม่รู้จะทำยังไง จึงโทรหาตน หลังเกิดเหตุจึงไปแจ้งตำรวจ ก่อนที่ตำรวจสายตรวจ ได้เดินทางมาเพื่อไกล่เกลี่ยเจรจากับเจ้าของหอเพื่อขอให้คืนเอกสารและทรัพย์สินของหลานตน
ทางเจ้าของหอไม่ยอมพร้อมกับกล่าวเพียงว่าหลานตนนั้นผิดสัญญาเช่า และถ้าใครเข้ามาก็จะโดนข้อหาบุกรุก หลังเจรจาไม่เป็นผลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้มาแจ้งความที่ สภ.ปากคลองรังสิต โดยหลานตนก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเมื่อช่วงเวลา 02.42 น. ของวันที่ 8 เม.ย. 68 กับ ร.ต.ท พงศธร แลเลิศ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
น้าสาวของผู้แจ้ง ได้กล่าวเปิดเผยอีกว่า ต่อมา ลูกสาวเจ้าของหอก็ติดต่อมา โดยต้องการคำตอบแค่ว่า ตนเป็นคนโพสต์ร้องไปที่เพจฯใช่ไหม เพราะตนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องฟ้องแน่ แล้วเขาก็อธิบายว่า”สัญญาเช่านั้น 48 เดือน แต่ทางหลานตนออกก่อน ต้องเอาเงินมาจ่าย 15,000 บาท เป็นค่าปรับของเดือน เม.ย และเดือน พ.ค. รวมเป็นเงิน 9,000 บาท” ซึ่งพี่สาวตนก็ยังถามกลับว่า “แล้วที่จ่ายไปวันที่ 3 เม.ย.นั้นไม่นับเหรอ” เขาก็บอกว่า”ไม่เกี่ยว ที่จ่ายมาเป็นเดือนสุดท้ายถ้าอยู่ครบสัญญา คือ 4 ปี หรือ 48 เดือน”
ซึ่งจริงๆแล้ว สัญญาเขียนไว้แค่ 14 เดือน แต่ตอนที่เขาเอามาให้เซ็นก็เอาปากกาขีดฆ่า เขียนใหม่เป็น 48 เดือน ตอนจะเซ็น ซึ่งเจ้าของหอเขาก็พูดอ้างว่าเอาไป 48 เดือนเลย ถือเป็นโปรโมชั่นมีส่วนลด แต่พอเกิดเรื่อง ก็บอกหลานชายตนออกก่อนครบสัญญา จึงต้องจ่าย 15,000 บาท เพราะละเมิดสัญญา โดยเขาบอกว่าถือเป็นค่าปรับ ค่าล้างแอร์ ค่าซักผ้าม่าน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เพราะจริงๆ แล้วเรามีเงินมัดจำอยู่แล้ว 15,000 ตอนแรก แต่เขาไม่หักตรงนั้น เขาจะมาเก็บเพิ่ม โดยอ้างเพียงว่า หลานตนผิดสัญญาเอง
ถึงแม้ตนก็ถามเขาว่า ถึงจะผิดสัญญาหรือไม่ ก็ไม่ควรจะมารื้อค้นกระเป่าแล้วยังยึดเอกสารของสำคัญของหลานตนไปไว้ที่ตัวเอง มันผิดไหม เขาก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แล้วยังบอกอีกว่าหลานชายตนโกหก ตนก็เลยถามกลับไปว่า ในเมื่อไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วรู้ได้ยังไงว่าหลานชายโกหก เขาก็บอกว่ามีกล้องวงจรปิด ตนจึงสวนไปว่า ถ้าอย่างนั้นขอดูกล้อง ต้องมีให้ดูด้วยนะ เขาก็รีบตอบปัดๆ ไปทันที ดังนั้นตนและหลานชายจึงต้องมาร้องกับเพจโหนกระแสเพื่อขอความเป็นธรรมในครั้งนี้
สำหรับความคืบหน้าในวันนี้ (23 เม.ย. 68) เมื่อช่วงบ่าย ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต พร้อมด้วย นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา นายดำรงค์รักษ์ เทพศิริ นักสืบสวนสอบสวน กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา น.ส.ช่อลัดดา พิทักษ์ทรัพย์ ปลัดเทศบาลตำบลหลักหก นายวีระเชษฐ์ สุนาวงค์ ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลหลักหก นายเชษฐา อุปสิทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานศิษย์เก่าและชุมชนสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ปรึกษาหารือในการ ดำเนินการปัญหาเรื่องดังกล่าว ซึ่งใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภปากคลองรังสิต ได้กล่าวเปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้รับรายงาน ว่าเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้เสียหายซึ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ เจ้าของหอพักหรือตัวบุคคลที่ได้รื้อค้นนำทรัพย์สินเอกสารหลักฐานต่างๆของผู้แจ้งไว้ ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นเป็นช่วงวันที่ 7 เม.ย. เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้รับแจ้งครั้งแรกตร.สายตรวจ ก็ได้เดินทางไปเพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าของหอแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือและไม่ยอมคืนของให้ผู้แจ้ง โดยอ้างว่าผู้แจ้งผิดสัญญาเช่า หลังจากนั้นจึงได้ให้ผู้เสียหายมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งในเบื้องต้นนั้นจากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทางพนักงานสอบสวนก็จะได้ออกหมายเรียกเจ้าของหอให้นำทรัพย์สินของผู้เสียหายมาคืน ภายในวันศุกร์นี้ซึ่งถ้าหากยังไม่นำมาคืนก็ถือว่าส่อเจตนา นำทรัพย์นั้นไป จะถือเป็นคดีอาญา ดังนั้นทางพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

