สื่อมวลชนบุกถามผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี กรณีขัดแย้งระหว่างสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงกับรองปลัด(มีคลิป)
1 min readสื่อมวลชนบุกถามผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี กรณีขัดแย้งระหว่างสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงกับรองปลัด
วันที่15พฤศจิกายน2562 เวลา09.00น.ณ ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี
สื่อมวลชนได้ลงพื้นที่ติดตามกรณี เรื่องของ นางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงที่มีความขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาลและยังถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงฐานไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของ กทจ. จ.ปทุมธานี
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ทีผ่านมาประธานสภาพร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงเกินครึ่งในสภา เข้าชื่อร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอให้ย้ายนางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล ออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะมีความขัดแย้งรุนแรงกับสมาชิกสภาเทศบาล โดยที่ผ่านมานางสุดาได้ฟ้องสมาชิกสภาเทศบาล กล่าวหาว่า สมาชิกสภาเทศบาลใช้อำนาจอภิปรายในสภาไม่ชอบเกี่ยวกับเรื่องมี เจ้าหน้าที่บางคนนำรถยนต์หลวงไปขนของใช้ส่วนตัว ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีคำพิพากษาคดีแดงที่ อ 331 / 2562 ตัดสินให้ฝ่ายสมาชิกสภาเทศบาลชนะคดี ทำให้นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สมาชิกสภาเทศบาลก็ได้เกิดข้อขัดแย้งกับนางสุดา รองปลัดเทศบาลอย่างรุนแรง มีการพูดจาถากถางและเหน็บแนมกันตลอดมา
แต่จนถึงป่านนี้จังหวัดก็ยังไม่โยกย้ายนางสุดาออกไปจากพื้นที่ ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.กลางกำหนดไว้ว่า หากเกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างพนักงานเทศบาลกับสมาชิกสภาเทศบาล ก็ต้องย้ายพนักงานเทศบาลไปอยู่ที่อื่น ทำให้ประชาชนและส่วนรวมได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นอย่างมาก
ซึ่งวันที่ 8 พฤศจิกายน2562 ที่ผ่านมาประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางสื่อมวลชนจึงได้ไปสอบถามนางสุดา ทองวิลัย ว่าเรื่องที่สมาชิกสภาเทศบาลกล่าวอ้างนั้น เป็นความจริงหรือไม่ ในกรณีที่นางสุดา ทองวิลัย ไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง กทจ.จนถูกสอบวินัยร้ายแรง รวมไปถึงการที่นางสุดา ได้ขัดขวางการรับโอนปลัดเทศบาลคนใหม่มาดำรงตำแหน่งแทนที่ว่าง
ทั้งนี้นางสุดา ทองวิลัย ก็ได้กล่าวว่า ตนไม่มีสิทธิ์และอำนาจหน้าที่ ที่จะไปขัดขวางการรับโอนย้ายปลัดคนใหม่ และปฎิเสธว่าไม่ได้มีการขัดคำสั่ง กทจ. และไม่ได้ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงด้วย
จากกรณีดังกล่าว นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดประทุมธานี ได้มอบหมายให้กับ ว่าที่ร้อยขรรค์ไชย ทันธิมา ท้องถิ่นจังหวัด ชี้แจงให้กับสื่อมวลชนฟังว่า
กรณีของนางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงไม่ประฎิบัติตามคำสั่งของ กทจ.จนถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนั้นเป็นความจริง
แต่ในการจัดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนั้นเป็นอำนาจของนายกเทศบาลเมืองคลองหลวงซึ่งนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ของทางจังหวัด
ส่วนเรื่องการยื่นเรื่องร้องเรียนมายังผู้ว่าของประธานสภานั้น ว่าด้วยการรับเรื่องการยื่นประกาศ กทจ.ว่า ด้วยการโอนย้ายกรณีที่มีเหตุขัดแย้งเกิดขึ้น ผู้ที่จะมีสิทธิ์ที่จะยื่นเรื่องร้องได้ มีอยู่ 4 ช่องทางด้วยกันก็คือ 1 พนักงานเทศบาล 2 คือนายกเทศมนตรี 3 ผู้นำชุมชน 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีที่ประสบเหตุ เมื่อทางจังหวัดได้รับหนังสือยื่นเรื่องมาว่า มีความขัดแย้งก็ได้มาพิจารณาดูแล้วว่า คนที่ยื่นเรื่องก็คือประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งทางจังหวัดก็ได้นำมาพิจารณาว่า ไม่ได้เป็นผู้นำชุมชน เพราะว่าได้รับข้อทักท้วงจากหลายๆฝ่ายว่า ประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ไม่มีฐานะเป็นผู้นำชุมชน ซึ่งกรณีนี้ทางจังหวัดโดยสำนักงานท้องถิ่นจังหวัด ก็ได้ประสานไปที่ผู้บริหารระดับกรมส่วนกลาง สอบถามว่าสมาชิกสภาเทศบาลมีฐานะเป็นผู้นำชุมชนหรือไม่ ซึ่งทางกรมได้ตอบมาว่า ประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลไม่ใช่ผู้นำชุมชน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการพิจารณากันกับท่านผู้ว่าการจังหวัดและท่านก็ได้ประสบพบเจอเรื่องนี้แล้ว ว่ามีความขัดแย้งจริง ท่านก็จะเอาเรื่องดังกล่าว ให้อนุกรรมการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อที่จะโอนย้ายต่อไป ส่วนระยะเวลาและขั้นตอนนั้น เมื่อผู้ว่าทราบเรื่องแล้วก็ต้องแจ้งให้ทางอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งจะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอนุ และจะมีกรรมการอีกประมาณ 6-7 ท่าน ซึ่งคนที่จะกำหนดเวลาก็คือประธานอนุกรรมการแก้ปัญหาความขัดแย้งจะมีการกำหนดวันเวลาอีกครั้ง ขณะนี้เรากำลังเสนอหนังสือไปที่ว่าราชการจังหวัด ถ้าหากว่าคณะอนุกรรมการได้รับเรื่องจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมว่า
ขณะนี้ทราบว่า นางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล ก็ได้ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติ กทจ.ปทุมธานี ซึ่งต่อมาประมาณเดือนพฤษภาคม 2562 เทศบาลได้รายงานขอความเห็นชอบให้ ก.ท.จ.มีมติพักงานนางสุดา ทองวิลัย เพราะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานเอกสาร แต่มีข่าวว่า มีการวิ่งเต้นล้มคดีเพื่อมิให้ถูกพักงาน ในขณะที่ก่อนหน้านี้ กทจ.ก็ได้เคยมีมติสั่งพักงานนางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ปลัดเทศบาลในระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรงมาก่อนแล้ว โดยนางจุฑารัตน์บอกว่า ไม่ได้ไปวิ่งเต้นผู้ใด แสดงว่า มีการวิ่งเต้นมิให้นางสุดาพักงานจริง ใช่หรือไม่ หากไม่ใช่ทำไม กทจ.ไม่นำเข้าที่ประชุมเพื่อพักงานนางสุดา เหมือนกรณีของนางจุฑารัตน์อดีตปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวง
หรือเป็นเพราะว่า นางสุดา ทองวิลัย มีสามีเป็นนายทหารใหญ่ยศนายพล และเป็นเพื่อนบิ๊กมหาดไทย ใช่หรือไม่ จังหวัดถึงไม่กล้าพักงาน หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อลดความขัดแย้งในพื้นที่ การที่ กทจ.เคยมีมติพักงานนางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ปลัดเทศบาลคนก่อนในระหว่างถูกสอบวินัยร้ายแรง แต่ในขณะเดียวกัน กทจ.กลับไม่ยอมมีมติพักงานนางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล ภรรยานายทหารใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนบิ๊ก มท. จะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ จังหวัดจะกล้ามีคำสั่งให้นางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาล ซึ่งเป็นภรรยานายพลทนายใหญ่ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ หน่วยงานแห่งอื่นเป็นการชั่วคราวหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจังหวัดจะให้ความเกรงใจสามีของนางสุดา ทองวิลัย ซึ่งเป็นนายทหารใหญ่ ตกลงจะให้ทำตามกฎหมายหรือไม่ หรือจะทำตามความต้องการของรองปลัดสุดา
เคยทราบมา ปลัดเทศบาลลำลูกกาคนก่อนกับนายกเทศมนตรีลำลูกลา ก็เคยขัดแย้งกันเล็กน้อยและไม่เคยฟ้องร้องกันถึงศาลอาญา แต่ ก.ท.จ.ก็มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ แล้วย้ายปลัดเทศบาลไปอยู่เทศบาลท่าโขลง แต่เหตุใดกรณีเรื่องความขัดแย้งของนางสุดารองปลัดเทศบาลซึ่งมีความขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาลรุนแรงยิ่งกว่า ทางจังหวัดถึงไม่ยอมโยกย้ายนางสุดาออกไปจากพื้นที่คลองหลวงเสียที หรือว่า ผู้ใหญ่ในจังหวัดคอยให้การช่วยเหลืออยู่หรือไม่ อย่างนี้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ขณะนี้ทราบมาว่า กทจ.มีมติไม่รับโอนย้ายปลัดเทศบาลคนใหม่มาดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ทั้ง ๆ ที่ตามหลักกฎหมายแล้ว กทจ.สามารถลงมติรับโอนได้ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาตรา 41 (4) ประกอบมาตรา 3 และตามหลักกฎหมายที่สำนักงาน ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. ได้แจ้งตามหนังสือที่ มท 0809.2/ว 135 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 98 ลงวันที่ 30 กันยายน 2560 สาเหตุที่ไม่รับโอนเพราะต้องการให้นางสุดา รองปลัดเทศบาลได้ครองอำนาจปลัดเทศบาลและได้ครองอำนาจนายกเทศมนตรี หลายตำแหน่งพร้อมกันใช่หรือไม่ หาก ก.ท.จ.ไม่มีความชัดเจนในเรื่องการใช้อำนาจรับโอน เหตุใดไม่หารือไปยังส่วนกลางเพื่อวินิจฉัยให้เกิดความรอบคอบก่อน หรือถ้าหารือไปแล้วเกรงว่าจะไม่สามารถกันตำแหน่งให้นางสุดาได้ครองอำนาจปลัดและได้ครองอำนาจของนายกเทศมนตรี เพราะขนาดนางสุดาเกิดความขัดแย้งกับสมาชิกอย่างรุนแรง กทจ.ก็ยังไม่ยอมย้ายนางสุดาออกไปจากพื้นที่เลย
ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา กล่าว่า
ต้องเรียนอย่างนี้นะครับว่า ในเรื่องของจังหวัดไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รับมอบหมายให้ดูแลเทศบาลหรือแม้กระทั่งสำนักงานท้องถิ่นจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัดซึ่งเป็นฝ่ายเลขาของ กทจ.เรายึดแนวทางในการทำงาน ตามระเบียบกฎหมาย แล้วก็ประกาศตามหนังสือสั่งการเกี่ยวข้อง ไม่มีบุคคลใดที่จะมากดดันหรือว่ามาทำให้การตัดสินใจของจังหวัดบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายได้ ส่วนกรณีของเรื่องที่รองุดาซึ่งถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนัั้น ก็มีเรื่องเข้ามาที่จังหวัดเพื่อที่จะให้สั่งพักราชการเหมือนกับกรณีของท่านอดีตปลัดเทศบาล ต้องขอเรียนอย่างนี้ว่า ในการดำเนินการสอบวินัยในกระบวนการที่สำคัญที่สุดคือการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงซึ่งกรณีนี้ การแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของรองสุดาในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ถือว่าฝ่าฝืนมติ ก.หรือไม่ปฏิบัติตามมติ ก.ที่สั่งการไปโดยชอบด้วยหน้าที่ ก็เลยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง กระบวนการในการแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ทางจังหวัดจึงชี้แจงมาว่า คนที่ลงนามในการสั่งแต่งตั้ง คือผู้อำนวยการกองช่างรักษาการแทนปลัดปฏิบติหน้าที่นายกเป็นคนสั่งแต่งตั้ง โดยประธานกรรมการก็คือนายอำเภอธัญบุรีเป็นประธานกรรมการ และก็จะมีกรรมการอีก 3ท่าน จะมีท้องถิ่นอําเภอ มีปลัดอำเภอด้วย ซึ่งในการแต่งตั้งกรรมการคนที่ถูกต้องที่ชอบนัั้น จะต้องมีหนังสือขอตัวไปที่ต้นสังกัด ให้มียินยอมมาเป็นกรรมการหรือว่าเป็นประธานกรรมการ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในคำสั่งแต่งตั้งกรรมการชุดนี้ เพิ่งแต่งตั้งนายอำเภอธัญบุรีเป็นประธาน และไม่ได้มีการขอต้นสังกัดไม่มีหนังสือขอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อที่จะอนุญาตให้นายอำเภอไปเป็นประธานกรรมการ ทั้งยังไม่มีการขอกรรมการอื่นมาที่ต้นสังกัดเพื่อเป็นกรรมการด้วย ขณะนี้ถือว่ากระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากว่าเป็นคนละสังกัดคนละหน่วยงาน
แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อกระบวนการเริ่มต้นไม่ชอบ ก็สามารถที่จะขอย้อนหลังได้แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการขออะไรเลย กรรมการจึงยังไม่มีการไปสอบ ยังไม่มีการไปเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนทางวินัย เรื่องนี้ก็เลยยังไม่ได้นำส่ง กทจ.เพื่อที่จะพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมว่าหลังจากที่ท่านรับทราบปัญหาเรื่องดังกล่าวแล้ว ท่านจะรับดำเนินการอย่างไรบ้างในการแก้ไขปัญหา
เพราะการที่รองสุดาจะตั้งคณะกรรมการมาสอบตัวเองนั้น อาจจะเป็นไปได้ยากมาก คงจะไม่มีใครตั้งคณะกรรมการสอบสวนตัวเองทางจังหวัดเองจะดำเนินการอย่างไรบ้าง?
ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา กล่าวเพิ่มเติมว่า
ทางเราก็จะสั่งให้ดำเนินการตามกระบวนการใหม่ให้ถูกต้อง แต่ก็เป็นหน้าที่ของเทศบาลที่ต้องไปดำเนินตามกระบวนการ และหากว่า รองสุดา เป็นรองปลัดรักษาราชการแทนปลัดปฏิบัติหน้าที่นายก กรณีที่จะแต่งตั้งกรรมการสอบตัวเองนั้น ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าถือว่าเป็นการขัดกันในเรื่องของกฎหมายตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาปกครอง ก็ต้องให้ผู้อำนวยการกองที่เป็นอาวุโสสุด มีอำนาจที่จะแต่งตั้งกรรมการได้แทน แต่เป็นเรื่องที่เทศบาลต้องไปดำเนินการต่อ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจที่ ที่จะไปก้าวล่วงอำนาจของเทศบาลในเรื่องของการดำเนินการทางวินัยได้ เพราะเป็นเรื่องของทางเทศบาล
ในส่วนของการรับปลัดคนใหม่มารับราชการตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากเทศบาลเมืองคลองหลวง ขอไม่รับโอนเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรบ้าง ?ผู้สือข่าวถาม
ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา ตอบว่าเป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่ง ปลัดจุฑารัตน์ ได้ทำหนังสือมาที่จังหวัดวันที่ 30 กันยายน ซึึ่งเป็นวันเกษียณอายุราชการพอดีได้มีการทำหนังสือขอรับโอนปลัดจากที่อื่นมา
และขอใช้อำนาจอำนาจหน้าที่ของนายกในการรับโอนด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีหนังสือจากเทศบาลเมืองคลองหลวงจากรองปลัดขอให้ระงับเรื่องของการรับโอนปลัดคนใหม่ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องก็ได้นำเข้าคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า กรณีของการรับโอนที่ปลัดเทศบาลทำเรื่องมาขอรับโอน ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ ก็เลยยังไม่เห็นชอบให้รับโอนและขณะเดียวกัน ก็จะมีหนังสือหารือแนวทางมติของ ก.ไปที่ส่วนกลางด้วย ว่ามติของ ก.เป็นไปตามบัญญัติกฎหมายหรือไม ส่วนเรื่องที่รองปลัดเทศบาลทำหนังสือขอใช้อำนาจไม่รับโอนปลัดเทศบาลทั้งหมด
ก.ไม่รับพิจารณาเพราะว่า ก.มีมติไปแล้วว่าปลัดที่จะรับโอนมาไม่ชอบด้วยกระบวนการก็เลยไม่ไปพิจารณากรณีของ รองสุดา ที่จะไม่ขอรับโอน
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้จะเป็นช่องว่างทำให้รองสุดารักษาการแทนไปตลอดหรือเปล่า แล้วในส่วนของทางจังหวัดเอง จะมีมาตรการอย่างไรบ้างที่จะมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้มีการรับโอนให้ถูกต้องตามกระบวนการ
ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา กล่าวว่า ตาม
ประกาศ ก.เมื่อมีตำแหน่งว่างให้ทางเทศบาลรายงานตำแหน่งว่างมา ซึ่งขณะนี้เทศบาลเมืองคลองหลวงก็รายงานตำแหน่งปลัดเทศบาลว่างมาแล้ว ทางจังหวัดก็จะรายงานไปยังส่วนกลางดำเนินการต่อไป ส่วนกลางจะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของส่วนกลางจะจัดปลัดมาดำเนินการมาปฏิบัติหน้าที่เมื่อไหร่ก็อยู่ที่ส่วนกลาง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมว่ามีกลุ่มคนรักเทศบาลเมืองคลองหลวงได้มายื่นหนังสือร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการทำงานของเทศบาลเมืองคลองหลวงรวมถึง กรมส่งเสริมส่วนท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีการร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทยผู้ตรวจการแผ่นดิน เลขาธิการ ปปช.ปปท.และผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
ทางท่านเองมีความวิตกกังวลหรือไม่
ว่าที่ร้อยตรีขรรค์ไชย ทันธิมา ตอบว่า
ไม่วิตกกังวลอะไรครับ! ผมทำงานตามหน้าที่ในฐานะของสำนักงานท้องถิ่นจังหวัด เราเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการข้าราชการ เทศบาลเป็นฝ่ายเลขานุการซึ่งในการทำงานต้องรับข้อมูลเข้ามาทุกด้าน ไม่ใช่ว่าจะรับข้อมูลเฉพาะผู้ร้องฝ่ายเดียว ผู้ถูกร้องก็ต้องรับข้อมูลเข้ามาด้วย ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายในการทำงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอำนวยความยุติธรรม
ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมข่าวได้รวบรวมมาตั้งแต่ต้นแสดงว่าที่รองสุดาปฏิเสธกับสื่อมวลชนว่าไม่ถูกสอบวินัยร้ายแรงนั้นเป็นการโกหก สื่อให้เห็นว่าการที่รองสุดาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือรายงานข้อเท็จจริงมายัง จังหวัดนั้น อาจจะขาดความน่าเชื่อถือในสายตาของสื่อมวลชนส่วนใครจะผิดถูกนั้นก็ต้องให้ประชาชนตัดสินเอง ว่าเรื่องนี้ใครผิดใครถูกรวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
Loading...