รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แผนที่จังหวัดนราธิวาส ขับเคลื่อนนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชน – จังหวัดชายแดนใต้ (มีคลิป)
1 min readรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อรับฟังความคืบหน้าแนวทางดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนผลักดันนโยบายพลังงานชุมชนจากพลังงานจังหวัด พร้อมแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการไฟฟ้าพลังงานทดแทนและผู้ประกอบการธุรกิจปาล์มน้ํามัน – ไบโอดีเซล ในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อผลักดันนโยบาย Energy For All ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงพลังงาน สามารถนำพลังงานไปหมุนเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
วันนี้ (20 มกราคม 2563) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบนโยบายพลังงานชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากโดยมีการรายงาน แนวทางการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน จากพลังงานจังหวัดนราธิวาส ,สงขลา, สตูล , ปัตตานีและยะลา และรับฟัง ข้อเสนอแนะ จากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและผู้ประกอบการธุรกิจปาล์มน้ำมัน-ไบโอดีเซล ในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยมี นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.พรรคพลังประชารัฐเขต 1 ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาเทศบาลและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มีโอกาสลงพื้นที่ดูงานชุมชนที่ใช้พลังงานไปหมุนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างเป็นรูปประธรรมในหลาย ๆ พื้นที่ ทั้งแม่แจ่มโมเดล กาญจนบุรีโมเดล และผาปังโมเดล โดยเฉพาะที่แม่แจ่ม จะเห็นได้ว่า เป็นตัวอย่างของพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านวัตถุดิบที่จะสามารถใช้ผลิตพลังงานหมุนเวียนจากซังข้าวโพดและเศษวัสดุจากต้นข้าวโพดปีละ 90,000 บาท แกลบฟางจากนาข้าว 50,000 ไร่และขยะแห้งจากชุมชน วันละ 3-4 ตัน มีสหกรณ์การเกษตรแม่แจ่ม จำกัด ผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง ปัจจุบันมีประชากร 104 หมู่บ้าน แต่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่ประมาณ 30 หมู่บ้าน ซึ่งโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงแหล่งพลังงาน โดยชุมชน นอกจากจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าแล้ว ยังมีรายได้จากการขายซังข้าวโพด ที่จะต้องเผาทิ้งอีกราว 40,000 ตัน และยังช่วยลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ได้ด้วย
ทั้งนี้ นโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นการพลิกมิติด้านพลังงานครั้งสำคัญ ตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถเป็นเจ้าของและเข้าถึงพลังงานได้ โดยนอกจากจะมีส่วนช่วยยกระดับให้ชุมชนได้เป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้จำหน่ายไฟได้เองแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาปากท้อง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดการย้ายถิ่นฐาน สามารถเพิ่มการลงทุนในพื้นที่ได้อีก เช่น การสร้างห้องเย็นเพื่อช่วยเก็บรักษาสินค้าเกษตรให้มีอายุยาวนานขึ้น รวมทั้งลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จากการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในที่โล่งแจ้ง ซึ่งท้ายที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ท้งทางด้านเศรษฐกิจและด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ไม่มีนโยบาย ส่งเสริมไบโอดีเซล มาจากแนวคิดเรื่องการส่งเสริม การใช้น้ำมันบนดิน ที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรปาล์มน้ำมัน ที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย ในการมีส่วนช่วยลดการพึ่งพานำเข้าปิโตรเลียม และยังช่วยสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตทางการเกษตร ให้กับพี่น้องเกษตรกรอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า การผลักดันเพิ่มสัดส่วน การใช้ไบโอดีเซล ในน้ำมันดีเซล เป็น B10 น้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศนั้น ได้เดินมาถูกทาง ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันในปัจจุบัน ขยับขึ้นไปถึง 7 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว จนกลายเป็นความกังวล จะเกิดการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในการบริหารจัดการ ผลผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ผลิตไบโอดีเซล และเพื่อใช้บริโภค ป้องกันการลักลอบนำเข้าโดยจะมีการติดตั้งมิเตอร์ที่ถังเก็บ CPO ที่โรงสกัดสำหรับปาล์มบริโภค และติดตั้งมิเตอร์ที่ถังเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับไบโอดีเซล
สำหรับนโยบายผลักดันให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ จะมีการจำหน่าย B10 ได้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งหากผลักดันการใช้ B10 สำเร็จ ก็จะทำให้การใช้ไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40 จากปัจจุบัน เปรียบเทียบจากการใช้ B100 ประมาณ 5.6 ล้านลิตรต่อวันในเดือนธันวาคม 2562 เพิ่มเป็น 7 ล้านลิตรต่อวัน ในปี 2563 โดยที่เป้าหมายการใช้ B10 อยู่ที่ 57 ล้านลิตรต่อวันภายในปี 2563
ดังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า กระทรวงพลังงานมีแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจน ทั้งเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนและการส่งเสริมไบโอดีเซล โดยพร้อมจะให้การสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการและชุมชนที่มีความพร้อมเข้าลงทุน เพื่อจะได้มีส่วนช่วยในการสร้างให้การลงทุนใหม่เกิดขึ้นได้ โดยเป้าหมายสำคัญ คือ สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชุมชน
ข่าว/ ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส
<!-- Composite Start -->
<div id="M261019ScriptRootC742661">
<div id="M261019PreloadC742661">
Loading... </div>
<script>
(function(){
var D=new Date(),d=document,b='body',ce='createElement',ac='appendChild',st='style',ds='display',n='none',gi='getElementById',lp=d.location.protocol,wp=lp.indexOf('http')==0?lp:'https:';
var i=d[ce]('iframe');i[st][ds]=n;d[gi]("M261019ScriptRootC742661")[ac](i);try{var iw=i.contentWindow.document;iw.open();iw.writeln("<ht"+"ml><bo"+"dy></bo"+"dy></ht"+"ml>");iw.close();var c=iw[b];}
catch(e){var iw=d;var c=d[gi]("M261019ScriptRootC742661");}var dv=iw[ce]('div');dv.id="MG_ID";dv[st][ds]=n;dv.innerHTML=742661;c[ac](dv);
var s=iw[ce]('script');s.async='async';s.defer='defer';s.charset='utf-8';s.src=wp+"//jsc.mgid.com/k/h/khaochad.com.742661.js?t="+D.getUTCFullYear()+D.getUTCMonth()+D.getUTCDate()+D.getUTCHours();c[ac](s);})();
</script>
</div>
<!-- Composite End -->