ประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ร้อง “บิ๊กตู่” กมธ.ปปช. รมต.มหาดไทย จี้เอาผิดข้าราชการนำรถหลวงไปลักทรัพย์ (มีคลิป)
1 min readเมื่อเวลา 10:30น. วันที่ 30 มกราคม2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวงพร้อมด้วยสมาชิกเทศบาลเมืองคลองหลวงและเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองคลองหลวงและประชาชนในพื้นที่คลองหลวงได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับประธานกรรมาธิการ ปปช. นาย เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดกับข้าราชการในเทศบาลเมืองคลองหลวงที่นำรถเข้าราชการไปใช้ก่อเหตุลักทรัพย์อีกทั้งยังให้ตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารระดับสูงของเทศบาลเมืองคลองหลวงที่กระทำผิดขัดคำสั่ง กทจ.และละเมิดอำนาจศาลในหลายเรื่อง ซึ่งปัจจุบันข้าราชการระดับสูงดังกล่าวถูกตั้งให้สอบวินัยร้ายแรงแต่เวลาล่วงเลยมากกว่า 2 ปีแล้วยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับข้าราชการทั้งสองคนซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าข้าราชการทั้ง2 คนนั้นมีการวิ่งเต้นเพื่อไม่ให้ถูกลงโทษ จึงมาขอความเป็นธรรมกับกรรมการ ป.ป.ชเพื่อให้เป็นสอบคดีดังกล่าวด้วยเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
เบื้องต้น นายเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้ให้และจะทำให้ดีที่สุดเพราะเรื่องดังกล่าวมันเป็นความผิดชัดเจนซึ่งก็มีคดีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าการนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัวนั้นศาลได้ตัดสินให้ติดคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา
จากนั้นทางคณะทีมงานประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง นายสุวิรัตน์ กิมสวัสดิ์ ได้เดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมทั้งยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านฉัตรชัย พรหมเลิศ และหัวหน้าศูนย์รับเรื่องร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม
จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงานนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นหนังสือให้กับพลเอกประยุทธ์จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ประธานสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง เปิดเผยผ่านสื่อมวลชนว่า วันนี้พวกตนมายื่นข้อร้องเรียนเพื่อให้เข้าดำเนินการไต่สวนเอาผิดทางอาญา วินัยร้ายแรง และโยกย้าย ข้าราชการในเทศบาลเมืองคลองหลวง ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นผู้มีพฤติการณ์ขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาล มีพฤติการณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
โดยข้าราชการคนดังกล่าว มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรง กรณีไม่ปฏิบัติตามมติ กทจ.ปทุมธานี จำนวน ๓ ครั้ง ซึ่ง กทจ. มีมติให้ ข้าราชการคนดังกล่าวเสนอเรื่องขอใช้อำนาจนายกเทศมนตรีในการออกคำสั่งรับ อดีตปลัดเทศบาลคลองหลวงกลับสู่ตำแหน่งเดิม เมื่อคราวที่นางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ถูกสั่งพักราชการ เนื่องจากถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่ข้าราชการคนดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่ รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศเมืองคลองหลวงไม่ยอมทำการคำสั่งของมติ กทจ.ปทุมธานี
นอกจากนี้ข้าราชการคนดังกล่าวยังบังอาจทำหนังสือบอกเลิกการรับโอนผู้มาดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากปลัดเทศบาลคนเดิมเกษียณอายุราชการ ไปยัง กทจ.ปทุมธานี และ กทจ.ชลบุรี ทั้ง ๆ ที่ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีได้ใช้อำนาจรับโอนและรายงานการรับโอนไปยัง กทจ.ปทุมธานีแล้ว โดยมีเจตนาขัดขวางการรับโอน ทั้งนี้ เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสและมีอำนาจในการทำหน้าที่รักษาการปลัดเทศบาลและปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวงด้วยตนเองเพียงคนเดียว เพื่อความสะดวกในการแสวงหาประโยชน์
ขณะเดียวกันข้าราชการคนดังกล่าวยังมีความขัดแย้งกับสมาชิกสภาเทศบาล จนถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม จากเหตุการณ์ที่สภาเทศบาลได้นำเรื่อง ที่ข้าราชการคนดังกล่าว ได้บังอาจนำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลไปใช้ขนทรัพย์ ซึ่งในเวลาต่อมามีผู้แจ้งข้อหาใช้ยานพาหนะซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลเมืองคลองหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่ของเทศบาลร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการทำให้เทศบาล ประชาชน และส่วนรวมได้รับความเสียหาย ซึ่งต่อมาข้าราชการคนดังกล่าว ได้นำคดีไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมเพื่อขอให้ศาลลงโทษสมาชิกสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ที่นำเรื่องไปอภิปรายตน ฐานหมิ่นประมาท โดยต่อมาศาลยุติธรรมได้พิพากษาให้ฝ่ายสมาชิกสภาเทศบาลเป็นฝ่ายชนะคดี โดยศาลให้เหตุผลว่า สภาเทศบาลมีหน้าที่ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร กรณีสภาเทศบาลจึงสามารถที่จะอภิปรายเรื่องดังกล่าวในสภาเทศบาลได้ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่ข้าราชการคนดังกล่าวกลับไม่ลดละ และขออุทธรณ์ และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ได้ส่งผลทำให้สมาชิกสภาเทศบาลเกิดความบาดหมางและมีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนรุนแรง จนไม่สามารถที่ประสานทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อส่วนรวมได้อีกต่อไป แถมข้าราชการคนดังกล่าว ใช้อำนาจหน้าที่ของตนที่มีอยู่ คอยขัดขวางการปฏิบัติงาน และคอยยุยงสับเปลี่ยนสายงานที่ไม่ตรงมารักษาการ ถ้าบุคคลคนนั้นเป็นพวกพองของตนเอง ก็จะออกหนังสือให้รักษาการสั่งการสับเปลี่ยนขึ้นมารักษาการแทน เพื่อเอื้ออำนวยการหาช่องทางการเปิดประมูลงาน ที่จะดึงเอาคนที่เชื่อฟังตัวเองมาเป็นพวก ซึ่งหากให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนยังฝืนทำงานอยู่เทศบาลแห่งนี้อีกต่อไป ยิ่งจะก่อให้ความเสียหายต่อส่วนรวม และยิ่งเป็นการตอกย้ำและสร้างความเจ็บปวดหัวใจให้เกิดขึ้นแก่สมาชิกสภาเทศบาลไม่จบสิ้น เป็นการหยามเกียรติยศศักดิ์ศรีของสมาชิกสภาเทศบาลในฝ่ายที่ทำถูกต้อง ที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลทั้งสองคนในทางที่ชอบด้วยกฎหมายได้เลย ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนี้ใช้อำนาจไปในทางทุจริตและแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยแท้ โดยเรื่องดังกล่าว
ตนและคณะสมาชิกสภาบาลเมืองคลองหลวงได้นำเรื่องไปร้องเรียนต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแล้ว ผลการสอบสวนคดีมีมูลตามที่ตนร้องเรียน ซึ่งข้อนี้ตามหลักการแล้ว ทั้งรองปลัดเทศบาล และนิติกรเทศบาลคลองหลวงจะต้องถูกโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งเทศบาลแห่งอื่นจากสาเหตุแห่งความขัดแย้ง แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีกลับบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือมิให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนโอนย้ายไปอยู่เทศบาลแห่งอื่น โดยให้เหตุผลว่า ความขัดแย้งดังกล่าว เป็นความขัดแย้งส่วนตัว หากให้ทำงาน ณ เทศบาลเมืองคลองหลวงต่อไป ย่อมจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่งถือเป็นการสรุปความเห็นที่บิดเบือน
นอกจากนี้เมื่อปี 2554 ข้าราชการคนดังกล่าวได้ยืมเงินหลวงออกมาใช้กว่า1ล้านบาท แต่ไม่มีการส่งใช้เงินคืนภายในปีงบประมาณที่ขอยืม จนถึงบัดนี้ก็ไม่ยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาตามลักษณะความผิดแต่อย่างใด
ตนและคณะสมาชิกเทศบาลเมืองคลองหลวงไม่อาจยอมรับได้หากจะให้ข้าราชการทั้ง2 ซึ่งมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หลาย ๆ อย่าง ทำหน้าที่ในเทศบาลเมืองคลองหลวงได้อีกต่อไป
คลิ๊กชมคลิป